ในประเทศเกาหลี ที่อยู่อาศัยทั่วไปได้แก่บ้านเดี่ยว อพาร์ทเมนท์ สตูดิโอ (เรียกว่า
“ออฟฟิซเทล” ในภาษาเกาหลี) บ้านมัลติเพล็กซ์ บ้านที่มีหลายครอบครัว ฯลฯ ปัจจุบันนี้
ชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในเมือง ชอบอยู่ในที่อยู่อาศัยที่มีหลายห้อง เช่น อพาร์ทเมนท์
เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายกว่า ชาวเกาหลีเน้นความสำคัญในการเป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง
ในประเทศเกาหลีราคาบ้านสูงมาก และบ้านในเมืองหลวงก็แพงกว่าบ้านในเขตชนบทมาก
เมื่อซื้อบ้าน ต้องดูตำแหน่งของบ้าน ทิศทาง ความสะดวกของการขนส่ง สภาพแวดล้อมโดยรอบ ฯลฯ
เมื่อตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง จะต้องมีสำเนาการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์เพื่อตรวจสอบความเป็นเจ้าของ การกู้จำนอง ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ไม่เสียเปรียบ และประการสุดท้าย เมื่อเขียนสัญญาซื้อบ้าน ต้องให้แน่ใจว่ามีการระบุรายละเอียดที่จำเป็นทั้ง หมด เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
การเช่าบ้านในประเทศเกาหลีจะแตกต่างจากที่อื่น โดยต้องเงินให้แก่เจ้าของบ้านเพื่อเป็นเงินมัดจำระหว่างช่วงที่เข้าพัก
เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด จะได้รับเงินมัดจำคืนทั้งหมด สามารถเช่าบ้านได้ทั้งหลัง หรือเพียงส่วนหนึ่ง
(1 ชั้น, 1 – 2 ห้อง ฯลฯ) หากต้องการเช่าบ้านทั้งหลัง เงินมัดจำจะอยู่ที่ประมาณ 40-80% สัญญาเช่ามักทำกันที่ 2 ปี (1 ปี สำหรับออฟฟิซเทล) และตามกฎหมาย เจ้าของบ้านไม่สามารถยุติสัญญาเช่าได้ก่อน 2 ปี หากผู้เช่าไม่ยินยอม (ผู้เช่า ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย) นอกจากนี้ ผู้เช่าอาจพักในบ้านได้เป็นเวลา 2 ปีได้ แม้ว่าจะทำสัญญาเช่าเพียง 1 ปี ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการเช่าบ้านก็ตาม
เนื่องจากภาวะถดถอยในตลาดที่อยู่อาศัยและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อไม่นานมานี้การเช่าในประ เทศเกาหลีได้เปลี่ยนระบบการเช่าจากเยียนเซ (ระบบการมัดจำ) ที่ใช้กันมาก่อนหน้านั้น ให้เป็นระบบการเช่นแบบบันเหยียนเซ (ระบบการมัดจำครึ่งหนึ่ง) ซึ่งจะรวมถึงเงินมัดจำกับเงินค่าเช่ารายเดือนเพื่อ เป็นหลักประกันให้แก่เจ้าของ โดยปัจจุบันนี้ บ้านสามหลังในสิบหลังได้ให้เช่าภายใต้ระบบการมัดจำครึ่งหนึ่ง โดยผู้เช่าคำนวณค่าเช่ารายเดือนที่เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับค่ามัด
จำที่เพิ่มขึ้น (200% ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร) ตัวอย่างเช่น สมมติว่าภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เงินมัดจำจะเพิ่มขึ้นจาก 300 ล้านวอนเป็น 400 ล้านวอนตลอดสองปี โดยผู้เช่าแบ่ง 100 ล้านวอนที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นค่าเช่าราย เดือน 400,000 วอนถึง 600,000 วอน และให้เงินมัดจำ 300 ล้านวอนและค่าเช่ารายเดือน 400,000 ถึง 600,000 วอน
ผู้ที่เช่าบ้านเป็นปีสามารถสมคัรประกันภัยเพื่อการรับคืนค่ามัดจำในการเช่าบ้านเพื่อเป็นการเตรียมไว้ซึ่ง กรณีที่ไม่ได้รับค่ามัดจำคืนจากสำนักงานประกันที่อยู่อาศัยในเมือง (HUG,www.khug.or.kr)
สามารถเช่าที่พักอาศัยเป็นรายเดือนได้ โดยจะยังคงต้องจ่ายค่ามัดจำเล็กน้อย ซึ่งน้อยกว่าค่าเช่า ข้อดีคือสามารถต่อรองค่า มัดจำได้โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เช่า หากสามารถจ่ายเงินค่าเช่าได้สูงขึ้น เงินมัดจำก็จะน้อยลง ปกติแล้วเงื่อนไขของวอลเซนั้น ขึ้นอยู่กับขนาด จำนวนของห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าเหมาตามสัญญา หรือจัดให้เช่ารายเดือนก็ตาม ซึ่งปกติจะมีค่าสาธารณูปโภคด้วย โดยคุณต้องเตรียมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านแบบมัลติเพล็กซ์และออฟฟิศเทลหลายแห่งนั้น มักจะมีเครื่องใช้ในบ้านให้อยู่แล้ว เช่น ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า เป็นต้น
มักมีเจ้าของบ้านหลายรายที่ต้องการให้ชาวต่างชาติ หรือครอบครัวหลากวัฒนธรรมที่อาศัยอยู่ในเกาหลีจ่ายเงินเป็นก้อนสำ หรับค่าเช่า 1-3 ปี (เขตเจจูมักจ่ายค่าเช่ารายปี โดยควรจ่ายค่าเช่ารายปีเป็นเงินก้อน)
เป็นที่พักซึ่งจัดโดยบริษัทหรือโรงเรียน สำหรับผู้เข้าฝึกอบรมเทคโนโลยีการลงทุนซึ่งเป็นชาวต่างชาติ (D-3) และคนงานที่ เข้าทำงานในประเทศเกาหลีผ่านระบบการอนุญาตการจ้างงาน ซึ่งมีวีซ่าการจ้างงานที่ไม่ถือเป็นอาชีพ (E-9)
ทั้งนี้บางบริษัทอาจจัดหอพักให้ แต่บางบริษัทก็อาจไม่จัดให้
การมองหาห้องหรือบ้านที่จะพักในประเทศเกาหลีนั้น จะมีอยู่หลากวิธีด้วยกัน วิธีแรกอาจดูจากใบปลิว โฆษณาให้เช่าบ้าน ป้ายบนท้องถนน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่ และทำสัญญาได้ด้วยตนเองเลย อย่างไรก็ตาม วิธีที่เป็นที่นิยมกว่าก็คือการ ใช้ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตัวแทนจะดำเนินการตรวจสอบแทนคุณ และจะจัดเตรียมเอกสารให้ ดังนั้นคุณจะสามารถทำ สัญญาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีปัญหาทางกฎหมาย โดยคุณอาจได้รับส่วนลดจากนายหน้าได้เป็นบางส่วน โดยเฉพาะหาก เป็นการหาผ่านทางอินเทอร์เน็ต และได้มีโอกาสต่อรองกับนายหน้าอสังหาริมทรัยพ์มืออาชีพจริงๆ
คุณจะต้องทำสัญญาเช่ากับเจ้าของบ้านที่แท้จริง ในสัญญาจะมีการระบุระยะเวลาการเช่า เงินมัดจำ ค่าเช่ารายเดือน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม บางคนอาจทำสัญญากับผู้เช่าก่อนหน้า และจ่ายเงินมัดจำให้พวกเขาแทนการทำสัญญาโดยตรงกับเจ้าของ ในกรณีนี้ หากเจ้าของบ้านไม่เห็นด้วยกับสัญญา ก็ไม่สามารถได้รับเงินมัดจำคืน
ดังนั้น ควรตรวจสอบบัตรประชาชนของเจ้าของบ้าน และตรวจสอบเอกสารสำคัญของเจ้าของบ้าน
หรือของบุคคลที่ได้รับมอบหมาย (เช่น ใบรับรองของผู้มีตราประทับ และหนังสือมอบฉันทะ เป็นต้น)
ให้ดีก่อนทำสัญญา โดยสามารถตรวจสอบบัตรประชาชนของเจ้าของบ้านได้จากสำเนาจดท
ะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามารถทำผ่านทางอิน เทอร์เน็ตได้โดยไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด และจะเป็นการดีมาก ที่จะตรวจสอบหนังสือจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ให้รอบคอบ
ก่อนการจ่ายเงิน ระหว่างการจ่ายเงิน และเมื่อจ่ายเงินเสร็จสมบูรณ์แล้ว
การขอดูสำเนาการจดทะเบียนก่อนทำสัญญานั้นถือเป็นเรื่องที่จำเป็นพอๆ กับการตรวจสอบภายในสถานที่ด้วยตนเอง ซึ่ง ทะเบียนดังกล่าวจะประกอบไปด้วยที่อยู่ของสถานที่ ชื่อเจ้าของที่ พื้นที่และโครงสร้าง นอกจากนี้ยังมักมีข้อมูลด้วยว่า เจ้าของที่เป็นเจ้าของอาคารเอง หรือยังผ่อนธนาคารอยู โดยทั่วไปแล้ว สำเนาการจดทะเบียนจะสามารถหาได้จากทางอิน เตอร์เน็ต(www.iros.go.kr, สำนักทะเบียนอินเตอร์เน็ตศาลสูง) ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องไปที่สำนักทะเบียนแต่อย่างใด และหากไม่ทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไรดี ควรสอบถามจากเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานชาวเกาหลีให้แน่ใจเสียก่อน
ตามกฎหมายแล้ว มักไม่จำเป็นต้องมีการวางเงินดาวน์แต่อย่างใด แต่มักจะเป็นการจ่ายเงิน 10% ของเงินมัดจำทั้งหมดแทน ตัวอย่างเช่น หากเงินมัดจำทั้งหมดอยู่ที่ 2 ล้านวอน การวางเงินจะอยู่ที่ 2 แสนวอน และสามารถจ่ายเงิน 1.8 ล้านวอนที่เหลือได้ตามวันที่ตกลงกันก่อนย้ายเข้าอยู่ โดยจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดในวันที่ย้ายเข้า และคุณควรเก็บใบเสร็จทั้งหมดเอาไว้ให้ดีด้วย
ในบางครั้งคุณอาจจะไม่สามารถย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ก่อนสัญญาเช่นสิ้นสุด ในกรณีเช่นนี้ เจ้าของบ้านสามารถลดจำนวนตามค่า เช่ารายเดือนที่จะถึงจนถึงวันครบกำหนดได้จากเงินมัดจำทั้งหมด แล้วคืนเงินที่เหลือให้คุณ คุณอาจอยู่ในห้องที่มีเงินมัดจำ 2 ล้านวอนและค่าเช่ารายเดือน 150,000 วอน และตัดสินใจย้ายไปที่อื่น 3 เดือนก่อนสัญญาสิ้นสุด ซึ่งก็คงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด หากมีผู้เช่ารายใหม่มาเช่าต่อจากนั้นทันที แต่ถ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ถือเป็นการผิดกฎหมายแต่อย่างใด หากเจ้าของบ้านจะคืนเงินให้คุณเพียง 1.55 ล้านวอนเท่านั้น ซึ่งก็คือค่าเช่าเดือนละ 450,000 วอน จำนวน 3 เดือน (150,000 วอน x 3 เดือน) จากเงินมัดนั่นเอง ทั้งนี้หากคุณไม่ต้องการต่อสัญญาเช่าใหม่ คุณควรแจ้งให้เจ้าของที่ทราบว่าต้องการย้ายออกก่อนสัญญาสิ้นสุดล่วง หน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน หากได้แจ้งแก่เจ้าของที่แล้ว ย่อมถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย หากเจ้าของที่ไม่ยอมคืนเงินมัดจำให้
คุณ และถ้าหากเจ้าของที่ไม่คืนเงินมัดจำให้คุณโดยมิชอบ คุณก็สามารถเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีทางแพ่งได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง และมีขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร ดังนั้นหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง คุณควรขอคำปรึกษา จากศูนย์ให้ความช่วยเหลือ(www.klac.or.kr, สำนักงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย
รายละเอียด่ตางๆ ที่ต้องระบุในสัญญาแห่งชาติ) ซึ่งก็มีให้คุณเลือกอยู่หลายแห่งเหมือนกัน
อย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนสัญญาสิ้นสุด คุณต้องแจ้งให้เจ้าของที่ทราบว่าต้องการย้ายออกในวันที่ครบกำหนด หรือต้องการอาศัยอยู่ต่อ หากไม่แจ้งให้เจ้าของที่ทราบ จะถือเป็นการต่อสัญญาใหม่โดยอัตโนมัติเลย และ คุณอาจสูญเสียโอกาสที่จะได้ย้ายออกตามเวลาที่ต้องการได้ หลายคนเผลอลืมมิได้แจ้งล่วงหน้า จนทำให้เกิด ข้อผิดพลาดขึ้นเช่นนี้
มีครอบครัวหลากวัฒนธรรมจำนวนมาก ที่ชอบธุรกรรมตรงทางอสังหาฯ เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งแม้ว่า
ธุรกรรมตรงดังกล่าวจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ก็จริงอยู่ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่หลายเรื่องด้วยกัน
และโดยทั่วไปแล้ว บุคคลที่ปล่อยทรัพย์สินเพื่อขายจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึงที่อยู่และหมายเลข
โทรศัพท์ ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าสำหรับผู้หญิงที่อยู่ตัวคนเดียวนั้น การไม่เปิดเผยข้อมูลน่าจะเป็นการดีที่สุด
เมื่อต้องการทำธุรกิจโดยผ่านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์นั้น นายหน้าคนดังกล่าวถูกบังคับให้ต้องตรวจสอบ
ความเสียหายของบ้าน และอธิบายเรื่องดังกล่าวให้กับลูกค้าเป้าหมายที่จะเป็นผู้เช่าให้ทราบด้วย ในทำนองเดียวกัน
ผู้เช่าเองก็จะต้องตรวจสอบข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยตัวเองในระหว่างการทำการเช่าด้วย ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวก็
เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีปัญหาใดๆ กับอุปกรณ์หรือวัสดุต่างๆ ในบ้าน และแม้ว่าจะเป็นการขอเช่าโดยตรงก็ตาม
แต่คุณก็จะต้องจ่ายค่าออกแบบสัญญาเป็นเงินประมาณ 100,000 วอนเกาหลีให้กับนายหน้าด้วย ซี่งตรงส่วนนี้ยัง
ไม่ได้ถือว่าเป็นค่านายหน้าแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพียงค่า “บริการในการร่างสัญญา” เท่านั้น ดังนั้นนายหน้าคนดัง
กล่าวก็ยังไม่ได้ต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อคุณทั้งสิ้น
แม้ว่าในปี ค.ศ 2009 จะมีคาเฟ่ที่เปิดทำการให้บุคคลทำสัญญาการเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยตรง
อยู่เพียงแค่ 50 แห่ง ในปัจจุบันนี้มีคาเฟ่มากกว่า 100 แห่ง และมีสมาชิก 1.1 ล้านราย
จำนวนของคาเฟ่มีเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงระหว่างที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่ามีเสนอให้เช่าหรือขายอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 100,000 แห่งต่อเดือน ซึ่งมีการกระจายข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงคาเฟ่และเว็บไซต์ที่เปิดทำการให้บุคคลทำสัญญา
การเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยตรง การทำสัญญาเช่าโดยการจ่ายค่ามัดจำและจ่ายค่าเช่ารายเดือนโดย
ตรงกำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากปัจจุบันนี้มี ข้อมูลมากพอเกี่ยวกับการเสนอให้เช่าหรือขายอสังหาริมทรัพย์
ที่สามารถหาเจอได้จากอินเตอร์เนต ในอดีต อสังหาริมทรัพย์ที่มีการเสนอให้เช่าหรือขายที่ถูกปร
ะกาศไว้ในตลาดเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยตรงจะมีเพียงแค่ห้องแบบสตูดิโอ (ห้องเดี่ยว) และออฟฟิศเทล ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นนิสิต นักศึกษาหรือคนทำงานออฟฟิศที่อยู่คนเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้อสังหาริมทรัพย์ที่มีการเสนอให้เช่าหรือขายแบบติดต่อโดยตรงก็ขยาย ไปเป็นบ้านสำหรับหลายครอบครัวที่มี 2 - 3 ห้อง บ้านเดี่ยว และอพาร์ทเม้นต์ให้เช่า หรือมีแม้
กระทั่งออฟฟิศเทล ที่พักอาศัยในเมือง ศูนย์การค้าและออฟฟิศ แม้ว่าการเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพยโดยตรง
อาจสะดวกสะบายและมีค่าใช้จ่ายลดลง แต่อาจเป็นเรื่องเสี่ยง สำหรับบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ทางสังคม
หรือไม่มีประสบการณ์ด้านการทำสัญญาต่าง ๆ ดังนั้น จึงแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากบริษัทนายหน้าที่ได้รับ
อนุญาตเนื่องจากรูปแบบความเสียหายจะค่อย ๆ กลับกลายเป็นความเสียหายที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น บ้านที่มีการเปิดให้ประมูลถูกนำไปจัดเป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่เปิดให้เช่าแบบติดต่อโดยตรง และผู้เช่าบางรายก็ทำการฉ้อฉลโดยการให้ทำสัญญารอง (สัญญาซ้อน)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสัญญาตรงแบบให้เช่ารายเดือนและมีเงินมัดจำ ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมโดยตรง
ระหว่างผู้เช่าหรือผู้ซื้อและผู้ให้เช่าหรือผู้ขายโดยไม่ผ่านนายหน้าที่ได้รับอนุญาต ดังนั้นบุคคลหนึ่ง ๆ
อาจได้รับความเสียหายอย่างมาก หากเขา/เธอไม่ได้ตรวจสอบเงื่อนไขและขั้นตอนโดยละเอียดถี่ถ้วน
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับสังคมและคนที่ไม่ทราบเรื่องอสังหาริมทรัพย์เลย
บุคคลที่คุ้นกับตลาดการค้าแลกเปลี่ยนเสรีบนอินเตอร์เนตแต่ไม่มีความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์
มักจะค้นหาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเสนอให้เช่าหรือซื้อที่มีราคาถูก และจะทำการทำสัญญาโดยตรง
ซึ่งส่งผลให้เขา/เธอทำสัญญากับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ หรือประสบกับความยากลำบาก ในการตรวจสอบว่าต้องมีการซ่อมอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ เมื่อย้ายออกในภายหลัง นอกจากนี้ หลายคนยังทำสัญญาโดยไม่รู้ราคาเช่าที่แท้จริงของตลาด ดังนั้นพวกเขาจึงอาจทำสัญญาที่ต้องจ่าย ราคาสูงกว่าราคาตลาด
ดังนั้น สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการใช้ประโยชน์จากบริษัทนายหน้าที่ได้รับอนุญาต ในกรณีนี้ แม้ว่าบุคคลจะ
ตกเป็นเหยื่อของการทำสัญญาซ้อน เขา/เธออาจได้รับการคุ้มครองจากประกันป้องกันการฉ้อฉล
นอกจากนี้ การทำสัญญาผ่านบริศัทนายหน้าที่ได้รับอนุญาตยังมีข้อได้เปรียบอีกหลายข้อ
จำไว้ว่า แม้ว่าการทำสัญญาเช่าหรือซื้อโดยตรงอาจจะเป็นการช่วยไม่ให้เสียค่านายหน้า แต่อาจจะใช้เวลาและ ต้องเสียเงินมากกว่าในภายหลังเนื่องจากผลลัพท์ไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ
ครอบครัวหลากวัฒนธรรมสามารถซื้อบ้านที่จัดสร้างพิเศษขึ้นสำหรับครอบครัวหลากวัฒนธรรม โดยที่ไม่ต้องแย่งชิงกับบุคคลทั่วไป
การสัญญาสั่งจองบ้านล่วงหน้าคือระบบที่ให้สิทธิ์สัญญาสั่งจองอพารท์เม้นท์กับผู้ที่ได้เกณฑ์มาตรฐาน
ด้วยเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสั่งจองบ้านล่วงหน้า ส่วนใหญ่แล้วบ้านที่แบ่งขายถูกระบุด้วยที่อยู่อาศัย
เพื่อประชาชน, ที่อยู่อาศัยของเอกชน, ที่อยู่อาศัยเพื่อประชาชนขนาดกลาง ผู้ที่ต้องการสัญญาสั่งจอง
บ้านล่วงหน้าต้องสมัครบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสั่งจองบ้าน (ออมทรัพย์เพื่อสัญญาสั่งจอง, เงิน
ฝากเพื่อสัญญาสั่งจอง, ค่างวดเพื่อสัญญาสั่งจอง, ออมทรัพย์แบบบูรณาการเพื่อสัญญาสั่งจองบ้านล่วง
หน้า) เพื่อจะได้คุณสมบัติในการทำสัญญา การแบ่งขายจะจัดขึ้นด้วยระบบตามขั้นตอนที่จะเลือกผู้ที่จะ
อยู่อาศัยที่ช่วงเวลาไม่มีที่อยู่อาศัย, ครั้งที่ฝากเงินออมทรัพย์เพื่อสัญญาสั่ง จอง, ยอดเงิน ออมทรัพย์มาก
ที่สุดและจะจัดขึ้นด้วยระบบตามคะแนนที่เลือกผู้ที่จะอยู่อาศัยรามคะแนนเพิ่มและคะแนนเสียตามกฎ
เกณฑ์และการจับสลาก
บ้านเรือนส่วนใหญ่ในเกาหลีจะใช้แรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ และถ้าหากเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณเป็น 110 โวลต์ คุณจำเป็นต้องมีหม้อแปลงไฟจาก 220 โวลต์เป็น 110 โวลต์ด้วย
บ้านทุกหลังจะติดตั้งเครื่องป้องกันไฟฟ้าดูดที่ต่อสายดิน (earth leakage circuit breaker) เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากกระแสไฟฟ้ารั่ว เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามากเกินไป หรือมีปัญหากับทางเดินกระแสไฟฟ้า เบรกเกอร์ดังกล่าวก็จะตัดวงจรไฟฟ้านั้นให้โดย อัตโนมัติ และถ้าหากมันไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง นั่นก็อาจจะเกิดอันตรายขึ้นมาได้ ดังนั้นก่อนที่จะย้ายเข้า เพื่อให้ แน่ใจว่ามันสามารถทำงานได้เรียบร้อยดี คุณควรจะตรวจสอบให้รอบคอบเสียก่อน โดยการลองกดปุ่มทดสอบเท่านั้นเอง (ปกติแล้วจะเป็นปุ่มสีแดง) ซึ่งการกดปุ่มดังกล่าวนั้น ควรจะส่งผลให้สะพานไฟกระดกลงมา แต่ถ้าหากมันไม่เป็นเช่นนั้น
แสดงว่าเบรกเกอร์ตัวนั้นอาจจะเสียแล้ว
ในช่วงฤดูหนาว อาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างที่ท่อน้ำประปาจะจับน้ำแข็ง และต่อไปนี้เป็นคำแนะนำที่สามารถช่วย ป้องกันปัญหาดังกล่าวได้
สำหรับการจุดไฟในเตาแก๊สนั้น ให้เปิดวาล์วนิรภัยและทำการติดไฟ และเมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรตรวจดูให้แน่ใจว่า ได้ปิดวาล์วนิรภัยเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้คุณควรจะตรวจสอบข้อต่อต่างๆ ของท่อแก๊สอย่างสม่ำเสมอด้วย โดยการหยอดน้ำสบู่ลงไป แล้วสังเกตฟองสบู่ที่เกิดขึ้น โดยให้ผสมน้ำยาซักฟอกกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 แล้วหยอดลงไปบริ เวณข้อต่อของสายส่งแก๊สให้ทั่ว ซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างก็น่าจะโอเค แต่ถ้าปรากฎว่ามีจุดใดเริ่มปรากฎโฟมขึ้น
นั่นหมายความว่าตรงนั้นมีแก๊สรั่ว และคุณจำเป็นต้องซ่อมแซมโดยด่วน ทั้งนี้ถ้าคุณใช้แก๊สจากท่อส่ง
(เรียกกันว่าซิตี้แก๊สในเกาหลี) ก็จะมีช่างออกมาตรวจเยี่ยมคุณทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย (ส่วนการตรวจ สอบปริมาณการใช้งานจะมีทุกๆ เดือน) ซึ่งในช่วงของการตรวจสอบดังกล่าวนั้น คุณควรจะอยู่นอกบ้าน
แต่ก็ต้องแน่ใจด้วยว่าทางช่างเขาตรวจสอบท่อในบ้านของคุณอย่างรอบคอบดีแล้วอุบัติเหตุร้ายแรงอาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าคุณจัดการกับ เตาแก๊สในครัวได้ไม่เหมาะสมพอ ดังนั้นคุณจึงควร ระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ให้มาก โดยคุณจะต้องมั่นใจว่า ไฟในเตานั้นดับเรียบร้อยดีแล้วเมื่อคุณเลือกใช้มัน อีกทั้งคุณเองก็ควรสร้างนิสัยการปิดวาล์วนิรภัยทุกครั้ง ที่ใช้งานเสร็จด้วย
แก๊สธรรมชาตินั้นนำมาใช้กับเตาแก๊สแบบกระป๋องพกพาได้ ซึ่งถ้ากระป๋องดังกล่าวถูกวางเอาไว้ไม่ถูกวิธี
ไฟก็อาจจะไม่ค่อยออกได้ และคุณอาจจะได้กลิ่นแก๊สรั่วแทน และเมื่อจะทิ้งกระป๋องแก๊สธรรมชาติที่ใช้จนหมดแล้วนั้น ให้คุณเจาะรูที่กระป๋องด้วยตะปูหรือหมุดเหล็กเสียก่อน โดยทำในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท ก่อนที่จะทิ้งมันลงในถังขยะ
อุบัติเหตุที่เกี่ยวกับแก๊สส่วนใหญ่นั้น มักจะเกิดขึ้นจากแก๊สรั่ว อันเนื่องมา จากการละเลยการเอาใจใส่ต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับแก๊สนั่นเอง ซึ่งอุ บัติเหตุที่เกิดขึ้นมักจะเป็นการเกิดการสำลัก และการเกิดระเบิดขึ้น ดังนั้น
ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีแก๊สรั่ว ก็ควรจะมีการดำเนินการต่างๆ ดังต่อไปนี้ในทันที
อุปกรณ์ทำความร้านที่ติดตั้งอยู่ในบ้านส่วนใหญ่โดยฝังท่อน้ำร้อนใต้พื้นบ้านเพื่อให้น้ำร้อนได้หมุนและสามารถใช้น้ำร้อนในชีวิตประจำวันได้
ซึ่งมันอาจจะใช้เชื้อเพลิงเป็นถ่านหิน น้ำมัน แก๊สแอลพีจี หรือแก๊สแอลเอ็นจีซิตี้ก็ได สำหรับถ่านหินแล้วจะมีราคาถูก แต่ควรจะได้รับการตรวจสอบทุกๆ สามหรือสี่ชั่วโมง เพื่อรักษาไฟเอาไว้ ในขณะที่น้ำมัน
และแอลพีจีนั้นมีราคาแพง อีกทั้งจะต้องมีการเติมทุกๆ หลายสัปดาห์ ส่วนแก๊สแอลเอ็นจีนั้นจะถูก และรับประกันได้ถึงความ ต่อเนื่องและสม่ำเสมอตลอดทั้งท่อ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งเพื่อหุงต้มและทำความร้อนภายในบ้าน ทว่าบ้านเรือนในย่านที่มีท่อแก๊ส
แอลเอ็นจีซิตี้เดินผ่านก็มักจะมีราคาแพง อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างจะให้ความคุ้มค่าได้ดีทีเดียว เมื่อพิจารณาจากการที่คุณ จะสามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิง เพื่อการทำความร้อนได้ในระยะยาว
เมื่อหาบ้านอยู่อาศัย นับว่าเป็นการดีที่จะตรวจดูว่ามีแก๊สแอลเอ็นจีซิตี้หรือไม่ บ้านที่มีแก๊สแอลเอ็นจีซิตี้ราคาเช่าจะแพงกว่าแต่สามารถประหยัดค่าทำความร้อนได้มากมาย จึงเป็นประโยชน์มากกว่า
ฮีตเตอร์และเบาะไฟฟ้านั้นถูกใช้เพื่อทำความร้อน อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่ามันอาจจะทำให้บิลค่าไฟฟ้าของคุณแพงเกิน ไป และอาจจะแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามากเกินไปได้ ดังนั้นควรแน่ใจว่าได้ใช้มันอย่างเหมาะสมดีแล้ว นอกจากนี้ คุณควรจะระวังไม่ใช้มันจนนานเกินไป เนื่องจากอาจจะเกิดอันตรายได้ เพราะว่ามันอาจจะร้อนจนกระทั่งติดไฟเลยก็เป็นได้
แก๊สฮีตเตอร์มักจะถูกใช้ในตัวอาคารเป็นหลัก แต่ก็จำเป็นต้องเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทพอสมควร และการเผลอหลับไปขณะที่ มันทำงานอยู่นั้นก็อาจจะเป็นเหตุทำให้ขาดออกซิเจนได้ ซึ่งนับว่าเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงต้องใช้ในที่ที่มีอากาศ ถ่ายเทสะดวกจริงๆ เท่านั้น
คุณสามารถโทรเบอร์ 100 (KT), 106 (SK broadband) ได้จากทุกที่ในประเทศ เพื่อขอติดตั้งโทรศัพท์
โดยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดหมายเลขข้างต้น จากนั้นคุณจะได้รับการต่อสายให้คุยกับ Call Center ที่ดูแลรับเรื่องนั้นๆ สำหรับการจ่ายค่าโทรศัพท์นั้น เป็นการสะดวกกว่าที่จะใช้การตัดบัญชีอัตโนมัติ ซึ่งจะตัดบัญชีด้วยค่าธรรมเนียมบริการจาก บัญชีธนาคารของสมาชิกเป็นประจำทุกๆ เดือน หรือคุณจะเข้าไปที่ (www.giro.or.kr, ☎ 1577-5500) ก็ได้ และด้วยวิธี การที่กล่าวมาแล้วนั้น คุณจะสามารถชำระบิลได้โดยไม่จำเป็นต้องไปที่ธนาคารด้วยตัวเองเลย
ในประเทศนี้จะขายโทรศัพท์มือถือไม่แพง โดยจะคิดค่าบริการพลเมืองที่ไม่ใช่ชาวเกาหลีเป็นรายเดือน
และคุณอาจจะพบด้วยว่า การซื้อโทรศัพท์มือถือด้วยเงินสดตามร้านค้าต่างๆ ก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน โดยคุณจะต้องขอลงทะ เบียนบัตรเพื่อขอหมายเลขสำหรับคุณโดยเฉพาะ
ถ้าคุณไม่มีบัตรลงทะเบียน คุณยังคงต้องใช้บริการแบบ Pre-paid ก่อน ซึ่งเรียกกันว่า “บัตรโทรศัพท์” (card phone) โดย บริการนี้จะไม่มีค่าธรรมเนียมการสมัคร และจะคิดค่าบริการต่างจากราคาปกติ โดยจะคิดแพงกว่าค่าบริการโทรศัพท์มือถือทั่ว ไปเล็กน้อย ทั้งนี้คุณสามารถเติมเงินบัตรโทรศัพท์แบบ Pre-paid ของคุณได้ด้วยจำนวนเงินที่แตกต่างกันออกไป โดยเริ่มต้นที่ 10,000 วอน บัตรดังกล่าวสามารถซื้อได้ใกล้ๆ โรงงานที่มีพนักงานชาวต่างชาติมาก หรืออาจจะเป็นตลาดอาหารต่างประเทศ ที่ทำการไปรษณีย์ (ความพร้อมในการจำหน่ายอาจแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โปรดสอบถามล่วงหน้า ☎1588-1300) หรือจะซื้อที่ร้านตัวแทนของการสื่อ สารฯ ก็ได้
คุณอาจจะได้รับโทรศัพท์และข้อความสแปมจำนวนมากถ้าคุณใช้โทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตาม คุณควรจะวาง เฉยเอาไว้ นอกเสียจากมันจะเป็นข้อความสำคัญจริงๆ และคุณควรจะระมัดระวังไม่โทรกลับไปเพราะความ อยากรู้อยากเห็นด้วย เนื่องอาจจมันอาจจะทำให้เสียเงินจำนวนมาก จากค่าบริการที่คิดแพงเกินจริงได้เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณจะต้องระวังไม่เผลอไปโต้ตอบข้อความโฆษณาทางธุรกิจที่นำไปสู่สื่อที่มีเนื้อ หาลามกอนาจารด้วย
มีรหัสพื้นที่อยู่ 17 รหัสในประเทศเกาหลี ซึ่งรหัสดังกล่าวนั้นเป็นปลายทางที่คุณกำลังจะโทรไป
และจะต้องกดหมายเลขนั้นๆ ก่อนที่คุณจะโทรออกไป อย่างไรก็ตาม รหัสพื้นที่ดังกล่าวไม่มีความจำ เป็นต้องใช้แต่อย่างใด ถ้าเป็นการโทรในพื้นที่เดียวกัน
พื้นที่ | หมายเลข | พื้นที่ | หมายเลข | พื้นที่ | หมายเลข | พื้นที่ | หมายเลข |
---|---|---|---|---|---|---|---|
กรุงโซล | 02 | เมืองแทจ็อน | 042 | เมืองชุงบก | 043 | เมืองเคียงนัม | 055 |
เมืองปูซาน | 051 | เมืองอุลซาน | 052 | เมืองชุงนัม | 041 | เกาะเชจู | 064 |
เมืองแดกู | 053 | เมืองเชจอง | 044 | เมืองจอนบุก | 063 | ||
เมืองอินชอน | 032 | เมืองเคียงจิ | 031 | เมืองจ็อนนัม | 061 | ||
เมืองกวางจู | 062 | เมืองคังวอน | 033 | เมืองเคียงบก | 054 |
สำหรับการใช้โทรศัพท์สาธารณะนั้น คุณต้องใช้เหรียญหรือบัตรโทรศัพท์แบบพรีเพด ซึ่งถ้าหากคุณเลือกไทม์โซนได้ดี คุณจะ สามารถประหยัดค่าโทรทางไกลได้ โดยค่าบริการโทรศัพท์ในเขตเมืองราคา 70 วอน/180 วินาที ส่วนค่าโทรเข้าโทรศัพท์มือถือคือ 70 วอน/38 วินาที
เพย์โฟนทุกเครื่องจะมีปุ่มเรียกสายฉุกเฉินสีแดงเอาไว้เสมอ ซึ่งคุณสามารถใช้แจ้งตำรวจหรือแจ้งดับเพลิงได้ โดยการกดปุ่มดังกล่าว จากนั้นก็ตามด้วยหมายเลขบริการ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เหรียญหรือบัตรโทรศัพท์เลย และโปรดจำไว้ ว่าหมายเลขต่อไปนี้เป็นหมายเลขเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
เมื่อคุณจะต้องโทรศัพท์ไปยังหมายเลขอื่นๆ
และคุณไม่มีเงินอยู่กับตัว ให้ลองใช้บริการเรียกส
ายแบบเก็บเงินปลายทางดู ซึ่งค่าบริการการเรียก
สายดังกล่าวจะคิดจากผู้รับสาย โดยมีราคาแพงกว่า ปกติเล็กน้อย สำหรับการใช้บริการดังกล่าวภาย
ในประเทศนั้น ให้กดปุ่มฉุกเฉิน + 1541 + หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง#
สำหรับการเรียกสายระหว่างประเทศจากเพย์โฟนนั้น ขอแนะนำให้คุณซื้อบัตรโทรศัพท์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือจากร้าน ขายของสำหรับชาวต่างประเทศ หรือจากร้านสะดวกซื้อทั่วไปก็ได้
โทรศัพท์ระหว่างประเทศ หรือการโทรถึงกันระหว่างประเทศต่างๆ นั้น เป็นบริการที่แพงกว่าโทรศัพท์ภายในประเทศ คุณสามารถประหยัดเงินได้ โดยการเลือกโทรในช่วงเวลาที่มีส่วนลด ซึ่งมักจะเป็นช่วงเย็นไปแล้ว หรือว่าตอนวันหยุด และขอแนะนำให้คุณตรวจสอบค่าบริการเสียก่อน เนื่องจากราคานั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และต่างกันไป สำหรับผู้ให้บริการแต่ละราย ในช่วงนี้ สามารถโทรฟรีระหว่างประเทศโดยการดาว์นโหลดแอปป์ที่สามารถโทรฟรีทางสมาร์ทโฟน
ประเทศ | รหัสประเทศ | ประเทศ | รหัสประเทศ | ประเทศ | รหัสประเทศ | ประเทศ | รหัสประเทศ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ไนจีเรีย | 234 | เวียดนาม | 84 | อิรัก | 964 | กีร์กิสถาน | 996 |
เนปาล | 977 | บราซิล | 55 | อิหร่าน | 98 | ไทย | 66 |
เยอรมัน | 49 | ซูดาน | 249 | อียิปต | 20 | ตุรกี | 90 |
ลาว | 856 | ศรีลังกา | 94 | อินเดีย | 91 | ปากีสถาน | 92 |
รัสเซีย | 7 | ซีเรีย | 963 | อินโดนีเซีย | 62 | เปรู | 51 |
มาเลเซีย | 60 | สิงคโปร์ | 65 | ญี่ปุ่น | 81 | ฟิลิปปินส์ | 63 |
เม็กซิโก | 52 | อาร์เจนติน่า | 54 | จีน | 86 | ออสเตรเลีย | 61 |
มองโกเลีย | 976 | แองโกลา | 244 | ชิลี | 56 | ฮ่องกง | 852 |
อเมริกา/แคนาดา | 1 | เอกวอดอร์ | 593 | คาซัคสถาน | 7 | ||
พม่า | 95 | อังกฤษ | 44 | กัมพูชา | 855 | ||
บังกลาเทศ | 880 | อุซเบกิสถาน | 998 | โคลอมเบีย | 57 |
ในประเทศเกาหลี มีรูปแบบการกระจายสัญญาณชนิดต่างๆ อย่างหลากหลาย ที่จัดทำผ่านการกระจายสัญญาณเพื่อบริการทั่ว ไป เคเบิลทีวี การกระจายสัญญาณในภูมิภาค การกระจายสัญญาณผ่านดาวเทียม (Sky Life) รวมไปถึงการกระจายสัญญาณ
ภาคพื้นดินด้วย (KBS, MBC และ SBS) และเมื่อไม่นานมานี้ เพย์ทีวีที่ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต (เรียกกันว่า IPTV) ก็ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากบริษัทเคเบิลทีวีหรือไอพีทีวีได้ให้บริการแบบพ่วงกันเป็นแพ็กเกจมาพร้อมกับสาย
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเลย ดังนั้นถ้าคุณสมัครใช้บริการทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน คุณก็จะได้บริการโดยรวมที่ราคา ถูกกว่าปกติ
ถ้าคุณสนใจที่จะใช้เฉพาะอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว ให้คุณเปรียบเทียบบริการและราคาที่เสนอโดยผู้ให้บริการการ สื่อสารแต่ละรายให้รอบคอบ แต่ถ้าคุณไม่สามารถจ่ายเพื่ออินเทอร์เน็ตส่วนตัวที่บ้านของคุณเอง ก็ยังมีห้องพีซี (PC room)
ใกล้บ้านคุณเป็นทางเลือกที่ประหยัดสำหรับคุณอยู่ โดยจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลย และราคาจะอยู่ที่ 1,500-2,000 วอน วอนต่อชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับย่านที่มันตั้งอยู่เป็นสำคัญ
ขยะและสิ่งปฏิกูลจะมีการแยกออกตามประเภท และมาเก็บไปตามวันและเวลาที่แน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ควรจะ แยกและบรรจุขยะของคุณตามคำแนะนำของทางเขต โดยขยะมักจะถูกมาเก็บเอาไปในช่วงเช้าตรู่ ดังนั้นจึงขอแนะ นำให้คุณวางขยะรอเอาไว้หลัง 4 ทุ่มไปแล้ว เฉพาะในคืนก่อนวันที่ทางเขตจะมาเก็บเอาไป
นอกจากขยะเศษอาหารกับขยะรีไซเคิลนับว่าเป็นขยะทั่วไปซึ่งจะทิ้งลงในถุงขยะที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อ
ใช้กับขยะทั่วไป
คุณสามารถซื้อถุงขยะได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านสะดวกซื้อ โดยที่สีของถุงขยะสำหรับ ขยะทั่วไปและขยะที่เป็นเศษอาหารนั้น จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเขต ดังนั้นคุณจะต้องตรวจสอบสีให้ดี ก่อนที่คุณจะซื้อมาใช้ สำหรับถุงขยะทั่ว ไปจะมีขนาดต่างๆ ดังนี้: 1,2,5,10,20,30,50,60,75 และ 100 ลิตร โดยที่ขนาดดัง กล่าวจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่มันถูกวางจำหน่ายอยู่ด้วย สำหรับการใช้ภายในบ้านเรือนทั่วไป นั้น ปกติจะใช้ขนาด 10 หรือ 20 ลิตรกัน โดยถุงขยะที่เป็นอาหารจะมีขนาด 2 ถึง 5 ลิตร เนื่องจากมันเหมาะกับการ ใช้ทิ้งขยะทุกๆ สองหรือสามวัน ในขณะที่ในบางหมู่บ้านจะมีถังเ พื่อเก็บเศษอาหารเอาไว้ ดังนั้นให้คุณสอบถามรายละ เอียดเรื่องนี้กับเพื่อนบ้านของคุณ
ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ให้คัดแยกหรือคัดกรองแล้วทิ้งลงในถุงสำหรับใส่เศษอาหาร หรือเอาไปทิ้งที่ถังขยะสำ หรับเศษอาหารโดยเฉพาะ
แต่ละเขตพื้นที่มีการใช้ระบบการจ่ายเงินตามปริมาณการทิ้งขยะ (RFID)
ขยะประเภทกระดาษ แก้ว เหล็ก กระป๋อง ถุง ถุงห่อของ (กรณีที่มีรูปสามเหลี่ยมและมีคำเขียนไว้ว่า PP,
OTHER, LDPE ฯลฯ ที่เป็นเครื่องหมายการแยกขยะเท่านั้น) ประเภาพพลาสติก [ขวดพีที, บัลโพสที
เรน (EPS), วัตถุห่อหุ้ม (โฟม), วัตถุที่ทำจากสารเคมีต่าง ๆ (ขวดนมเปรี้ยว, ขวดน้ำยาล้างจาน ฯลฯ) ฯลฯ]
กระป๋องและขวดพลาสติกควรจะปล่อยให้แห้ง และทุบให้แบนก่อนที่จะทิ้ง
สำหรับการทิ้งขยะที่มีขนาดใหญ่ เช่น เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียแล้วนั้น คุณจะต้องไปซื้อสติ๊กเกอร์จ ากศูนย์ชุมชนของคุณ เพื่อเอามาติดกับขยะดังกล่าว จากนั้นคุณจึงสามารถเอาขยะนั้นมาวางทิ้งไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ทางเจ้า หน้าที่มาเก็บเอาไปได้ สำหรับราคาของสติ๊กเกอร์จะแตกต่างกันออกไปตามประเภทและขนาดของขยะ ซึ่งร้านค้าปลีกบางแห่งก็ ได้รับอนุญาตให้ขายสติ๊กเกอร์นี้ด้วยเหมือนกัน ขนึ้ อยู่กับนโยบายของแต่ละเขตเป็นหลัก ในขณะที่อพาร์ตเมนตบ์ างแห่งจะสา มารถจัดการกับขยะดังกล่าวแทนคุณได้ ถ้าคุณจ่ายค่าบริการให้เขา
คุณสามารถซื้อสติ๊กเกอร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย (ที่เว็บไซต์ของสำนักงานเขต)