01การเตรียมตัวเพื่อการมีบุตร
การตรวจสุชภาพที่จำเป็นสำหรับคู่สมรสที่เตรียมตัวมีลูก
- การตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนที่จำเป็นก่อนตั้งครรภ์เพื่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์
การตรวจสุชภาพที่จำเป็นสำหรับคู่สมรสที่เตรียมตัวมีลูก โรคที่เกี่ยวข้อง | ความจำเป็นในการตรวจ | การป้องกันรักษา |
หัด | หากเกิดการติดเชื้อในระยะแรกของการตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกผิดปกติได้ | หากไม่มีภูมคุ้มกันควรฉีดวัคซีนโรคหัด(MMR*) อย่างน้อย 1 ครั้ง - ควรวางแผนการตั้งครรภ์หลังฉีดวัคซีนครบ 3 เดือน
|
ไวรัสตับอักเสบ B | หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B ระหว่างตั้งครรภ์ทารกที่เกิดมาจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง | - หากไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ก่อนตั้งครรภ์ (ตามระยะคือ 0, 1, 6 เดือน รวม 3 ครั้ง)
- กรณีสตรีตั้งครรภ์ มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะต้องฉีดวัคซีนบุตร (เด็กแรกเกิด)ทันทีหลังคลอด
- ดูข้อมูลอ้างอิงในส่วน 2. การดูแลสุขภาพเด็ก → โครงการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในช่วงปริกำเนิด(ช่วงก่อนและหลังคลอด)
|
- MMR: วัคซีนรวมสำหรับโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
- หากเคยฉีดวัคซีนมาก่อนแล้วตรวจพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกันโรคควรฉีดวัคซีนซ้ำ แต่ต้องไม่ฉีดซ้ำเกิน ฉีดห้ามเกิน 3 ครั้ง
โรคที่เป็นมาแต่กำเนิดเนื่องจากไวรัสซิก้า
- หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้รับเชื้อไวรัสซิก้าก็จะทำให้เชื้อถ่ายทอดไปยังทารกในครรภ์และมีผลทำให้ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ เช่น ศรีษะเล็ก(Microcephaly) ทำให้เกิดการขาดดุลทางระบบประสาท เช่น ความผิดปกติของสมองขั้นรุนแรง
- ผู้ที่ได้เดินทางไปยังประเทศที่มีเชื้อไวรัสซิก้าแพร่หลาย เช่น ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ทั้งชายและหญิง)ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนโดยไม่ปล่อยให้เกิดการตั้งครรภ์
02การตรวจสุขภาพที่จำเป็นสำหรับสตรีตั้งครรภ์
การตรวจร่างกายพื้นฐานสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ระบุเอาไว้ด้านล่าง นอกจากนั้นสูตินารีแพทย์อาจมีการ
ตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ที่กำลังเป็นมารดาและทารก
การตรวจทั่วไปสำหรับสตรีตั้งครรภ์
การตรวจทั่วไปสำหรับสตรีตั้งครรภ์ การตรวจ เลือด | การตรวจเลือด แบบปกติ | ถ้าคุณตั้งครรภ์ คุณจำเป็นต้องตรวจเลือด (ฮีโมโกลบิน เกล็ดเลือด เซลเม็ดเลือดแดง ฯลฯ) เพื่อประเมินสุขภาพของคุณ (สตรีตั้งครรภ์) และเพื่อ ดูว่าคุณไม่มีปัญหากับการตั้งครรภ์ต่อไป นอกจากนั้นคุณยังจำเป็นต้องตรวจหา เชื้อโรคร้ายแรง อาทิ เอดส์ โรคหัดเยอรมัน ฯลฯ อีกด้วย |
การทดสอบประ เภทของเลือด | การทดสอบประเภทของเลือด ABO และ Rh factor ถ้าคุณเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่มี Rh-negative คุณต้องฉีด Rh immune globulin เมื่อตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ |
การตรวจของ เชื้อซิฟิลิส | การตรวจสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ และการตรวจว่าเด็กติดเชื้อซิฟิลิสหรือไม่ |
การตรวจหาเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ | การทดสอบไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของไวรัสตับอักเสบ บีมักมีอาการเลวร้ายลงในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ และอาจส่งผลต่อทารก ในครรภ์ผ่านรก ในช่วงคลอดบุตรหรือให้นมเป็นต้น |
การตรวจปัสสาวะ | การทดสอบครรภ์เป็นพิษหรือเบาหวาน โดยการทดสอบน้ำตาลและโปรตีน รวมทั้งการทดสอบการติดเชื้อระบบทาง เดินปัสสาวะ |
การตรวจอัลตร้าซาวน์ | การตรวจพัฒนาการในการเติบโต ตำแหน่ง ขนาดของตัวอ่อน และการทดสอบความพิการของตัวอ่อน โดยการดูเข้าไปในมดลูก |
03ข้อพึงระวังสำหรับสตรีตั้งครรภ์เพื่อที่จะคลอดบุตรที่แข็งแรง
- เด็กที่สุขภาพดี ต้องการมารดาที่สุขภาพดี
ถ้าคุณวางแผนที่จะตั้งครรภ์ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีสุขภาพดีแล้ว ถ้าคุณป่วย โปรดปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาในทันที - อย่าทานยาเอง
ถ้าหากเป็นไปได้ โปรดหลีกเลี่ยงการทานยาขณะตั้งครรภ์ การทานยาอาจส่งผลกระทบร้ายแรง ต่อตัวอ่อนในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมือ เท้า หัวใจ ระบบประสาทส่วนกลาง และอื่นๆ ของตัวอ่อนกำลังพัฒนาในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมากในช่วง เวลาดังกล่าว ส่วนในกรณีที่มารดามีโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานและความดันสูง มีไข้สูงเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการติดเชื้อ และสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจทำให้สตรีมีครรภ์และตัวอ่อนตกอยู่ใน อาการที่ร้ายแรงได้ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการดูแล คุณควรปรึกษาแพทย์เ พื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงเรื่องการรับประทานยาด้วย - หลีกเลี่ยงแอลกอฮอลล์และบุหรี่
แอลกอฮอลล์เป็นสารรุนแรงที่อาจทำให้ตัวอ่อนมีรูปร่างผิดปกติ หรือเสียชีวิตได้ ห้ามดื่มแอลกอฮอ ลล์ในระหว่างตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด ส่วนบุหรี่มีผลต่ออัตราการเติบโตของตัวอ่อน ทำให้ทารกที่คลอด มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ด้วยเหตุนี้คุณ ควรเลิกสูบบุหรี่ก่อนการตั้งครรภ์ - สตรีมีมีครรภ์ควรรับประทานอาหารที่ให้แคลอรี โปรตีน เกลือแร่ และวิตามินที่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมเป็นประจำ สตรีมีครรภ์ก็ไม่จำเป็นต้อง ทานอาหารเสริมอีก ถ้าหากไม่มีปัญหาด้านโภชนาการ สตรีมีครรภ์จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1 กก. ต่อเดือนในระยะ 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และอีก 2 กก.ต่อเดือนในระหว่างการตั้งครรภ์ 6 เดือนหลัง ดังนั้นตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 13 กก. ในทางตรงกันข้าม พวกเขาจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กเป็นอาหารเสริมตั้งแต่เดือนที่ 5 ของการตั้งครรภ์ การทานธาตุเหล็กเสริมขณะที่ท้องว่างจะช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้ดีขึ้น สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์นั้นจำเป็นต้องได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่เหมาะ สมเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันอาการขาดแคลเซียม ของระบบประสาทส่วนกลาง - อุจจาระค่อนข้างแข็งตัวในช่วงการตั้งครรภ์ เนื่องจากเคลื่อนไหวของลำไส้จะน้อยกว่าปกติ
และมดลูกขยายตัวมาก ขึ้นไปกดทับลำไส้อยู่ ดังนั้นสตรีตั้งครรภ์จึงมักมีปัญหาอาการท้องผูก การแก้ปัญหา ท้องผูกควรปฏิบัติดังนี้ นั่นคือการเพิ่มปริมาณของอุจาระโดยการทานผักและผลไม้สด ดื่มน้ำบ่อยๆ และออกกำลังกายเป็นประจำ - หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเครียด
ไม่จำเป็นที่สตรีตั้งครรภ์ต้องจำกัดการออกกำลังกาย พวกเขาควรดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ และออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม คุณต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบใหม่ หรือความเข้มข้นในการออกกำลังกายปัจจุบัน นอกจากนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการออกแรงมากเกินไป หรือการไต่ขึ้นไปบนที่สูง เป็นต้น - ไม่จำเป็นต้องจำกัดกิจกรรมทางเพศจนกว่าจะถึง 4 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม
คุณควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยาง ถ้าหากมีความเสี่ยงสูงเรื่องการแท้งหรือการคลอด ก่อนกำหนด - การตั้งครรภ์สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยไม่คำนึงถึงอายุครรภ์
กรณีสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่, จะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าคนปกติ เช่น โรคปอดบวม เป็นต้น
จำเป็นจะต้องได้รับการป้องกัน แนะนำให้ไปฉีดวัคซีน - ในกรณีที่สตรีตั้งครรภ์จำเป็นต้องนั่งนานๆ ในระหว่างการเดินทาง เธอควรขยับร่างกายส่วนล่างเป็น
ระยะ อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อชั่วโมง เพื่อช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ - ในช่วงของการตั้งครรภ์ ร่างกายช่วงล่างมักมีอาการบวมน้ำ เนื่องจากหลอดเลือดใหญ่หรือเส้นเลือด
ดำที่กระดูกเชิงกรานถูกกดทับ การยกขาขึ้นสูงจะช่วยบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม อาการบวมน้ำยังอาจเกิดมาจากปัญหาความดันโลหิตสูงในสตรีมีครรภ์อีกด้วย ดังนั้นคุณจำเป็นต้องตรวจความดันโลหิต ถ้าคุณมีอาการบวมน้ำในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ - ช่องคลอดจะมีการคัดหลั่งเพิ่มขึ้นในช่วงของการตั้งครรภ์ สาเหตุเป็นเพราะมีการสร้างเมือกเพิ่มขึ้น
ที่ต่อมปากมดลูก อันเป็นผลมาจากฮอร์โมนผู้หญิงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นอาการของโรคแต่อย่างใด - ให้แพทย์ตรวจร่างกายเป็นประจำ
ตรวจร่างกายเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ คุณควรได้รับการดูแลก่อนคลอดในช่วงการตั้ง ครร ภ์โดยโรงพยาบาล การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณและป้องกันอันตรายที่อาจส่งผลต่อตัวคุณและ ลูกได้แต่เนิ่นๆ
ข้อมูลที่มีประโยชน์
การดูแลก่อนคลอดของชาวเกาหลี
ชาวเกาหลมีความเชื่อมานานแล้วว่าพฤติกรรมและสภาพจิตใจของมารดาในช่วงการตั้งครรภ์
จะส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ และร่างกายของทารกด้วย แนวทางการดูแลก่อนคลอดนี้เรียกว่าแท- เกียว โดยแต่เดิม มารดาผู้ตั้งครรภ์ควรระมัดระวังการทำงานต่างๆ ไม่คิดในแง่ลบ และไม่ทำ
อะไรที่แผลงๆ รวมทั้ง พูดจาและแสดงอาการต่างๆ ในลักษณะที่ผ่อนคลาย เพื่อให้กำเนิดทายาท
ที่มสุขภาพดี รวมทั้งยังมีข้อจำกัดอีกมากเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถรับประทานได้ รวมถึงความคิดและ
การกระทำต่างๆ ด้วย ดังนั้นในมุมมองของคนเข้าเมืองซึ่งเป็นสตรีที่ตั้งครรภ์คำแนะนำช่วงดูแล
ก่อนคลอดจากครอบครัวของสามี อาจดูเหมือนเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไป และ
อาจสร้างความเครียดได้สูงมาก อย่างไรก็ตาม ความเครียดอาจมาจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน ดัง
นั้นการพูดคุยกันน่าจะเป็นประโยชน์และสร้างความเข้าใจที่ดีกว่าก็เป็นได้ ควรจะจัดให้มีการ
ดูแลก่อนคลอดกับคู่สมรสเพื่อการตั้งครรภ์และการคลอดจะดำเนินไปด้วยดี
04บริการด้านสุขอนามัยสำหรับสตรีตั้งครรภ์
สตรีมีครรภ์ (รวมถึงผู้ย้ายถิ่นฐานที่แต่งงานแล้ว) สามารถรับบริการรักษาพยาบาลได้ที่ศูนย์สาธารณสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงจำเป็นต้องได้รับการดูแลภาคบังคับที่ศูนย์สาธารณสุขหรือสถานพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่ง
- การตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง
ไม่ว่าจะเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่อายุน้อยหรืออายุมาก (ต่ำกว่า 20 หรือมากกว่า 35 ปี ) หากมีการเจ็บป่วยในระหว่างตั้งครรภ์เช่น การปวดท้องคลอดก่อนกำหนด เลือดออกที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง ฯลฯ เคยคลอดบุตรก่อนกำหนด และเคยคลอดบุตรที่มีความผิดปกติมาแต่กำเนิด กรณีเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
(1)การฝากครรภ์
สตรีตั้งครรภ์สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพเหล่านี้จากศูนย์การแพทย์สาธารณะได้ อาทิ การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด การตรวจปัสสาวะ (เบาหวาน โปรตีน) การตรวจเลือด (ฮีโมโกลบิน เซลเม็ดเลือดแดง เซลเม็ดเลือดขาว การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ตับอักเสบ กลุ่มเลือด) คุณสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการทดสอบ ก่อนคลอดสำหรับสตรีมีครรภ์ได้ โดยการลงทะเบียนที่ศูนย์การแพทย์สาธารณะ (หัวข้อในการทดสอบอาจแตกต่างกันในศูนย์แต่ละแห่ง)
(2)การสอนและชั้นเรียนการเตรียมตัวกำเนิดบุตร
- ชั้นเรียนการให้นมบุตร การออกกำลังกายสำหรับสตรีมีครรภ์ การเตรียมตัวให้กำเนิดบุตร การนวดทารก และหัวข้ออื่นๆ
- ในบางภูมิภาคอาจให้เช่าหนังสือ ซีดี และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ การให้การศึกษาผู้ปกครอง และการคลอดด้วย
- เนื่องจากแผนงานการให้การศึกษาอยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น เนื้อหาในแต่ละภูมิภาคจะ แตกต่างกันออกไป
(3)บริการให้ธาตุเหล็กและกรดโฟลิก
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ซึ่งลงทะเบียนเอาไว้กับศูนย์สุขภาพสาธารณะโดยมีระยะการตั้งครรภ์นานกว่า 16 สัปดาห์มีสิทธิ์ได้รับวิตามินเสริมธาตุเหล็กเป็นเวลา 5 เดือน
(4)บริการกรดโฟลิก
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ที่เคยลงทะเบียนเอาไว้กับศูนย์สุขภาพสาธารณะมีสิทธิ์ได้รับวิตามินกรดอะมิโนรวมเป็นเวลา 3 เดือนก่อนและหลังการตั้งครรภ์
(5)ความช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาลแก่สตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง
โครงการช่วยค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 3ล้านวอน สำหรับค่ารักษาที่ไม่รวมอยู่ในประกันสุขภาพ สำหรับสตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษา 19 โรคภัยไข้เจ็บที่มีความเสี่ยงสูงในระหว่างตั้งครรภ์
- กลุ่มเป้าหมาย : สตรีมีครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูง 19 ชนิด* และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- ภาวะคลอดก่อนกำหนด, ภาวะเลือดออกจากการคลอด, ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง, ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด, ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด, ภาวะรกเกาะต่ำ, ภาวะแท้งคุกคาม, ภาวะน้ำคร่ำมาก, ภาวะน้ำคร่ำน้อย, ภาวะตกเลือดก่อนคลอด, ภาวะปากมดลูกหลวม, โรคความดันโลหิตสูง, ภาวะตั้งครรภ์ซ้อน, โรคเบาหวาน, ภาวะอาเจียนร้ายแรงขณะตั้งครรภ์, โรคไต, หัวใจล้มเหลว, ภาวะทารกโตช้าในครรภ์, โรคเกี่ยวกับมดลูก และส่วนย่อยที่สัมพันธ์กับมดลูก
- รายละเอียดความช่วยเหลือ : : ค่ารักษา 90% ของค่ารักษาพยาบาล(ไม่เกิน 3 ล้านวอน) ของผู้ป่วยสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ในส่วนที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกันสุขภาพและคนไข้ต้องรับผิดชอบชำระเองทั้งหมด (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการรักษาในโรงพยาบาลและอาหารพิเศษสำหรับคนไข้)
- ขั้นตอนยื่น : เตรียมเอกสารที่กำหนดไปยื่นสมัครที่สถานีอนามัยที่รับผิดชอบตามที่อยู่ในบัตรประชาชนของสตรีผู้ตั้งครรภ์ หรือยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-health หรือ แอปพลิเคชั่นอาอีมาจุง ภายใน 6 เดือนนับจากวันคลอด
- เอกสารยื่นประกอบ : ใบสมัคร 1 ชุด, ใบรับรองแพทย์ 1ชุด(ต้องมีชื่อโรคและรหัสประจำโรค), ใบรับรองการเข้าและออกจากโรงพยาบาล, ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล, ใบรายละเอียดค่ารักษาพยาบาล อย่างละ 1 ชุด, สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด, สำเนาสมุดบัญชีที่จะใช้รับเงินสนับสนุน 1 ชุด(ต้องเป็นชื่อของผู้ได้รับการสนับสนุน), บัตรประจำตัวของผู้ยื่นสมัคร เป็นต้น
(6)โครงการเสริมอาหารที่มีคุณค่า
โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อจัดให้การอบรมและรับความรู้รวมถึงจัดสรรอาหารเสริมที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีให้กับคุณแม่ผู้ตั้งครรภ์และทารกที่มีความเสี่ยงเรื่องการขาดสารอาหารหรือปัญหาโภชนาการ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถ ในการบริหารจัดการหลักโภชนาการในชีวิตด้วยตนเอง
โครงการเสริมอาหารที่มีคุณค่า ประเภท | ข้อมูลความช่วยเหลือ |
ผู้ที่มีสิทธิ์ | - ผู้ที่มีสิทธิ์:
- เด็กเล็กและทารก (อายุ 6 ปี บริบูรณ์, หลังจากเกิดจนถึง 72 เดือน) สตรีตั้งครรภ์ สตรีหลังคลอดบุตร
- เงื่อนไขสำหรับเขตที่พำนัก:
- ศูนย์การแพทย์สาธารณะ ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบตามที่อยู่ของตน
- กรณีเป็นการสมรสกับชาวต่างชาติ คู่สมรสคนใดคนหนึ่งจะต้องเป็นชาวเกาหลี
- ระดับรายได้:
- ระดับรายได้ตามเกณฑ์จำนวนสมาชิกในครอบครัวต่ำกว่า 80% ของรายได้มาตรฐาน
- ปัจจัยการขาดโภชนาการ:
- มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง อาทิ โลหิตจาง น้ำหนักตัวต่ำ อัตราการเติบโตไม่ดี หรือได้รับสารอาหารไม่พอ
|
ข้อมูลความ ช่วยเหลือ | - การแจกชุดอาหารเสริมสุขภาพ
: ข้าว มันฝรั่ง ไข่ แครอท นม ถั่วดำ สาหร่าย อกไก่กระป๋อง ส้มเขียวหวาน ฯลฯ แบ่งออกเป็น 6 แพ็คเกจอาหารตามรูปแบบการใช้ชีวิต บวกกับอาหารที่เหมาะสมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (จัดส่งถึงบ้าน เดือนละ 1-2 ครั้ง) รายละเอียด: การให้การปรึกษาและการศึกษาเรื่องโภชนาการ - เมื่อพิจารณาจากปัจจัยการขาดสารอาหารของบุคคลที่เข้าข่าย การให้คำปรึกษาส่วนตัว การให้การศึกษาเป็นกลุ่ม และการเยี่ยมที่บ้าน รวมถึงชั้นเรียนแบบออนไลน์
- ดำเนินการอย่างน้อยเดือนละครั้ง
|
วิธีการขอ ช่วยบริการ | - ยื่นได้ที่ :
- สถานีอนามัยในเขตพื้นที่อาศัย หรือ ทางออนไลน์(www.gov.kr) (หากสถานที่พักอาศัยจริงแตกต่างจากบนบัตรประชาชน หรือปู่ย่าตายายหรือผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้ยื่นแทน จำเป็นต้องไปยื่นที่สถานีอนามัยด้วยตนเอง)
เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ - เอกสารพิสูจน์จำนวนสมาชิกในครอบครัว: สำเนาบัตรประจำตัวคนต่างด้าวและใบรับรองความสัมพันธ์ในครอบครัว
- เอกสารพิสูจน์ระดับรายได้: ใบเสร็จของการจ่ายค่าประกันสุขภาพ บัตรประกันสุขภาพ เอกสารพิสูจน์การได้สิทธิการรับความช่วยเหลือ การดำรงชีวิตพื้นฐาน หรือความช่วยเหลือครอบครัวยากจน (ตามความเหมาะสม)
- เอกสารอื่นๆ: เอกสารพิสูจน์การตั้งครรภ์หรือการกำเนิดบุตร: คู่มือการเลี้ยงดูบุตร ใบรับรองและความเห็นทางการแพทย์ (ก่อนกำเนิดบุตร) หรือสูติบัตร (หลังคลอด)
|
ให้บริการตามศูนย์การแพทย์สาธารณะทั่วประเทศ ยกเว้นอองจิน-กัน (อินชอน)
และอุลเลียงโด (เกียงซางบัก-โด) คุณสามารถขอคำแนะนำโดยการติดต่อศูนย์การแพทย์ส
าธารณะ ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบตามที่อยู่ของตนเอง หรือทางโทรศัพท์ก็ได้
(7)โครงการสนับสนุนการฉีดวัคซีนแห่งชาติไข้หวัดใหญ่ สำหรับสตรีตั้งครรภ์
เป็นโครงการที่ดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อการป้องกันป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับสตรีตั้งครรภ์และเด็กในครรภ์
- ผู้ที่มีสิทธิ์: สตรีตั้งครรภ์(ฉีดวัคซีนได้โดยไม่คำนึงถึงอายุครรภ์)
- เฉพาะในกรณีที่ยื่นเอกสารหลักฐานที่ยืนยันว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ (เช่น คู่มือของแม่ เป็นต้น)
- รายการสนับสนุน : ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 1 ครั้ง
- สถานที่ฉีดวัคซีน: ศูนย์สุขภาพแห่งชาติและสถาบันทางการแพทย์ที่กำหนด
- สามารถไปฉีดวัคซีนได้ที่ ศูนย์สุขภาพแห่งชาติและสถาบันทางการแพทย์ที่กำหนด โดยไม่คำนึงถึงเขตที่อยู่, ตรวจสอบรายชื่อสถาบันการแพทย์ที่ได้รับมอบหมายผ่านเว็บไซต์โครงการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ ผู้ช่วยการฉีดวัคซีน (https://nip.cdc.go.kr) → การฉีดวัคซีนเด็ก→ ค้นหาสถาบันการแพทย์ (แอปมือถือก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน)
05การคลอดบุตร
สตรีตั้งครรภ์สามารถให้กำเนิดบุตรได้ที่คลินิกนรีแพทย์ หรือโรงพยาบาลก็ได้ สตรีที่ได้รับการดูแลที่
ศูนย์บริการสาธารณะจำเป็นต้องไปกำเนิดบุตรที่โรงพยาบาลที่มีแผนกนรีแพทย์เช่นกัน คุณจำเป็นต้อง
เตรียมตัวก่อนการคลอดเพื่อหลีกเลี่ยง "สถานการณ์ตกใจเกินเหตุ" การคลอดแบบปกติสองแบบคือการ
คลอดตามธรรมชาติ และการผ่าท้อง
(1)การคลอดตามธรรมชาติ
- การคลอดตามธรรมชาติคือการให้กำเนิดบุตรโดยวิธีธรรมชาติผ่านช่องคลอด โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือเรื่อง ยาหรือเครื่องจักร โดยอาจมีการผ่าช่องคลอดเพิ่มเพื่อช่วยให้คลอดได้ง่ายขึ้น
- ถ้าหากเด็กไม่คลอดหลังจากเวลาผ่านไปนานมาก จะมีการฉีดยากระตุ้นให้คลอด ถ้าหากเป็นการคลอดบุตรคนแรกอาจต้องใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมง จนการคลอดบุตรคนต่อๆ ไปอาจใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
- การคลอดบุตรตามธรรมชาติอาจเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ความเจ็บปวดจะหายไปทันทีหลังจากการคลอดบุตรแล้ว แถมวิธีนี้ยังถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอีกด้วย นอกจากนั้นระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาลยังสั้นที่สุด โดยปกติจะใช้เวลาแค่ 2-3 วัน และยังประหยัดที่สุดอีกด้วย
(2)การผ่าตัดคลอด
- เมื่อไม่สามารถคลอดบุตรตามธรรมชาติด้ คุณอาจต้องใช้วิธีผ่าคลอด แพทย์มักใช้ขั้นตอนนี้ในสถานการณ์อันตราย อาทิเช่น คลอดก่อนกำหนด เชิงกรานแคบ หรือเด็กกลับหัว เป็นต้น
- การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดประเภทหนึ่ง และอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำให้ใช้วิธีคลอดตามธรรมชาติ เว้นแต่การผ่าคลอดเป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
- การผ่าคลอดมักต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังคลอด และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการคลอดธรรมชาติ
ถ้าคุณติดต่อองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือ อาทิ Danuri Helpline (☎1577-1366) ศูนย์ให้ความช่วยเหลือครอบครัวหลากวัฒนธรรมในบริเวณใกล้เคียง ศูนย์การแพทย์สาธารณะ ศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับสตรีเข้าเมือง คุณสามารถขอบริการล่ามและการแปลได้ด้วย
06สนับสนุนบัตรแรกพบ
มอบบัตรแรกพบมูลค่า 2 ล้านวอนแก่เด็กที่เกิด เพื่อลดภาระทางการเงินที่มาจากการเลี้ยงดูเด็กในช่วงระยะแรกเกิด
- ผู้รับประโยชน์ :
- เด็กที่เกิดหลังวันที่ 1 มกราคม 2022 ซึ่งมีการแจ้งเกิดและได้รับหมายเลขประจำตัวประชาชนอย่างปกติ
- ผู้ถือครองสัญชาติเกาหลี*(รวมผู้ถือครองหลายสัญชาติ ตาม 「กฎหมายสัญชาติ」 และผู้ได้รับการรับรองเป็นผู้ลี้ภัย ตาม 「กฎหมายผู้ลี้ภัย」 **)
- แม้บิดามารดาจะเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ แต่หากเด็กที่เกิดมีสัญชาติเกาหลีจะถือว่าตรงตามเงื่อนไข
- ยกเว้น กรณีที่อยู่ระว่างการพิจารณาตรวจสอบคำขอรับรองเป็นผู้ลี้ภัย
- กรณีของเด็กที่เกิดในต่างประเทศ จะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการพำนักในประเทศเกาหลีเพื่อออกหมายเลขประจำตัวประชาชน(คู่มือสำนักงานการขึ้นทะเบียนราษฎร์ปี 2020)
- 'ผู้มีกิตติคุณพิเศษ' ตาม「กฎหมายการดูแลปฏิบัติขั้นพื้นฐานต่อชาวต่างชาติในเกาหลี」
- มีมาตรการคุ้มครอง ตาม 「กฎหมายสวัสดิการเด็ก」 มาตรา 52 วรรค 1 ข้อ 1 เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในการเลี้ยงดูเด็ก หรือในวรรคเดียวกันข้อ 4 เรื่องครอบครัวที่ใช้ชีวิตร่วมกัน และเด็กจะได้รับหมายเลขจัดการสวัสดิการสังคม ก่อนการแจ้งเกิด
- จำนวนเงินที่สนันสนุน :
- ตามระเบียบจะจ่ายเป็นคูปองใช้งาน(คะแนน)บัตรกุกมินแฮงบก มูลค่า 2 ล้านวอนต่อเด็กที่เกิด 1 คน ยกเว้นกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จะจ่ายเป็น(เงินสด)
- วิธีการยื่นขอ :
- (ไปด้วยตนเอง) ที่ศูนย์บริการชุมชนประจำอึบ/มยอน/ดง (ออนไลน์) จองบู 24, เว็บไซต์บกจีโร
- ระยะเวลาใช้งาน :
- 1 ปี ตั้งแต่วันที่เด็กเกิด(วันที่ขึ้นทะเบียนราษฎร์)
- หากไม่ใช้คะแนน(เงิน)ที่ได้รับภายในระยะเวลาที่กำหนด คะแนนจะสูญไปโดยอัตโนมัติหลังจากวันสิ้นสุดการใช้งาน
- (ตัวอย่าง) กรณีที่เด็กเกิดวันที่ 27 เมษายน 2022 จะสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 26 เมษายน 2023 และบัตรของขวัญจะหายไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่เวลา 00:00 น. ของวันที่ 27 เมษายน 2023
- ทั้งนี้ ยกเว้นกรณีของเด็กที่เข้าใช้บริการในสถานรับเลี้ยง ซึ่งจะได้รับเป็นเงินสดผ่านทางบัญชีดีดิมชีอัต
- เนื่องจากวันที่เริ่มการจ่ายเงินคือวันที่ 1 เมษายน 2022 ให้เป็นข้อยกเว้น สำหรับเด็กที่เกิดระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2022 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2022 ถึง 31 มีนาคม 2023
- ขอบเขตการใช้งาาน :
- สามารถใช้ได้ในร้านค้าทุกประเภท(รวมการซื้อผ่านออนไลน์) ยกเว้น ร้านค้าปลอดภาษีและสถานบันเทิง*
- เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินของครอบครัวที่ให้กำเนิดบุตร จึงสามารถใช้ได้ในหลากหลายสถานที่ ยกเว้นธุรกิจประเภทที่ระบุข้างต้น
- (ธุรกิจที่ยกเว้น) สถานบันเทิง(ธุรกิจสถานบันเทิงผับบาร์ทั่วไป, ธุรกิจสถานบันเทิงผับบาร์ทั้งหมด, ร้านเบียร์สด, ธุรกิจร้านเหล้าอื่นๆ), ธุรกิจการพนัน (คาสิโน, ร้านขายลอตเตอรี่, ร้านตู้เกม), ธุรกิจเกี่ยวกับสุขอนามัย(ร้านอาบอบนวด, ร้านนวด, ร้านซาวน่า), ธุรกิจเพื่อความบันเทิง(ร้านวิดีโอ, ร้านคาราโอเกะ ฯลฯ), อื่นๆ (ของใช้สำหรับผู้ใหญ่, บัตรของขวัญ ฯลฯ), ร้านค้าปลอดภาษี, บัตรของขวัญแบบออนไลน์ เป็นต้น
- ตามการจำแนกย่อยในการจัดประเภทอุตสาหกรรมตามมาตรฐานของเกาหลี ซึ่งสอดคล้องกับสถานที่ที่สามารถใช้งานคลีนการ์ดของหน่วยงานราชการได้