ศูนย์โทรศัพท์ Danuri
1577-1366
การโทรให้คำปรึกษาครอบครัว
1577-4206
한국생활안내 정보더하기 사이트로 이동

การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร

  • Home
  • การตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูบุตร
  • การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร

การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร

01การเตรียมตัวเพื่อการมีบุตร

การตรวจสุชภาพที่จำเป็นสำหรับคู่สมรสที่เตรียมตัวมีลูก
  • การตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนที่จำเป็นก่อนตั้งครรภ์เพื่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์
การตรวจสุชภาพที่จำเป็นสำหรับคู่สมรสที่เตรียมตัวมีลูก
โรคที่เกี่ยวข้อง ความจำเป็นในการตรวจ การป้องกันรักษา
หัด หากเกิดการติดเชื้อในระยะแรกของการตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกผิดปกติได้ หากไม่มีภูมคุ้มกันควรฉีดวัคซีนโรคหัด(MMR*) อย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ควรวางแผนการตั้งครรภ์หลังฉีดวัคซีนครบ 3 เดือน
ไวรัสตับอักเสบ B หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B ระหว่างตั้งครรภ์ทารกที่เกิดมาจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
  • หากไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ก่อนตั้งครรภ์ (ตามระยะคือ 0, 1, 6 เดือน รวม 3 ครั้ง)
  • กรณีสตรีตั้งครรภ์ มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะต้องฉีดวัคซีนบุตร (เด็กแรกเกิด)ทันทีหลังคลอด
  • ดูข้อมูลอ้างอิงในส่วน 2. การดูแลสุขภาพเด็ก → โครงการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในช่วงปริกำเนิด(ช่วงก่อนและหลังคลอด)
  • MMR: วัคซีนรวมสำหรับโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
  • หากเคยฉีดวัคซีนมาก่อนแล้วตรวจพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกันโรคควรฉีดวัคซีนซ้ำ แต่ต้องไม่ฉีดซ้ำเกิน ฉีดห้ามเกิน 3 ครั้ง
โรคที่เป็นมาแต่กำเนิดเนื่องจากไวรัสซิก้า
  • หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้รับเชื้อไวรัสซิก้าก็จะทำให้เชื้อถ่ายทอดไปยังทารกในครรภ์และมีผลทำให้ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ เช่น ศรีษะเล็ก(Microcephaly) ทำให้เกิดการขาดดุลทางระบบประสาท เช่น ความผิดปกติของสมองขั้นรุนแรง
  • ผู้ที่ได้เดินทางไปยังประเทศที่มีเชื้อไวรัสซิก้าแพร่หลาย เช่น ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ทั้งชายและหญิง)ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนโดยไม่ปล่อยให้เกิดการตั้งครรภ์

02การตรวจสุขภาพที่จำเป็นสำหรับสตรีตั้งครรภ์

การตรวจร่างกายพื้นฐานสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ระบุเอาไว้ด้านล่าง นอกจากนั้นสูตินารีแพทย์อาจมีการ
ตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ที่กำลังเป็นมารดาและทารก

การตรวจทั่วไปสำหรับสตรีตั้งครรภ์
การตรวจทั่วไปสำหรับสตรีตั้งครรภ์
การตรวจ เลือด การตรวจเลือด แบบปกติ ถ้าคุณตั้งครรภ์ คุณจำเป็นต้องตรวจเลือด (ฮีโมโกลบิน เกล็ดเลือด เซลเม็ดเลือดแดง ฯลฯ) เพื่อประเมินสุขภาพของคุณ (สตรีตั้งครรภ์) และเพื่อ
ดูว่าคุณไม่มีปัญหากับการตั้งครรภ์ต่อไป นอกจากนั้นคุณยังจำเป็นต้องตรวจหา เชื้อโรคร้ายแรง อาทิ เอดส์ โรคหัดเยอรมัน ฯลฯ อีกด้วย
การทดสอบประ เภทของเลือด การทดสอบประเภทของเลือด ABO และ Rh factor ถ้าคุณเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่มี Rh-negative คุณต้องฉีด Rh immune globulin เมื่อตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์
การตรวจของ เชื้อซิฟิลิส การตรวจสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ และการตรวจว่าเด็กติดเชื้อซิฟิลิสหรือไม่
การตรวจหาเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ การทดสอบไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของไวรัสตับอักเสบ
บีมักมีอาการเลวร้ายลงในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ และอาจส่งผลต่อทารก
ในครรภ์ผ่านรก ในช่วงคลอดบุตรหรือให้นมเป็นต้น
การตรวจปัสสาวะ การทดสอบครรภ์เป็นพิษหรือเบาหวาน โดยการทดสอบน้ำตาลและโปรตีน
รวมทั้งการทดสอบการติดเชื้อระบบทาง เดินปัสสาวะ
การตรวจอัลตร้าซาวน์ การตรวจพัฒนาการในการเติบโต ตำแหน่ง ขนาดของตัวอ่อน
และการทดสอบความพิการของตัวอ่อน โดยการดูเข้าไปในมดลูก

03ข้อพึงระวังสำหรับสตรีตั้งครรภ์เพื่อที่จะคลอดบุตรที่แข็งแรง

  • เด็กที่สุขภาพดี ต้องการมารดาที่สุขภาพดี
    ถ้าคุณวางแผนที่จะตั้งครรภ์ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีสุขภาพดีแล้ว ถ้าคุณป่วย โปรดปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาในทันที
  • อย่าทานยาเอง
    ถ้าหากเป็นไปได้ โปรดหลีกเลี่ยงการทานยาขณะตั้งครรภ์ การทานยาอาจส่งผลกระทบร้ายแรง ต่อตัวอ่อนในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมือ เท้า หัวใจ ระบบประสาทส่วนกลาง และอื่นๆ ของตัวอ่อนกำลังพัฒนาในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมากในช่วง เวลาดังกล่าว ส่วนในกรณีที่มารดามีโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานและความดันสูง มีไข้สูงเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการติดเชื้อ และสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจทำให้สตรีมีครรภ์และตัวอ่อนตกอยู่ใน อาการที่ร้ายแรงได้ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการดูแล คุณควรปรึกษาแพทย์เ พื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงเรื่องการรับประทานยาด้วย
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอลล์และบุหรี่
    แอลกอฮอลล์เป็นสารรุนแรงที่อาจทำให้ตัวอ่อนมีรูปร่างผิดปกติ หรือเสียชีวิตได้ ห้ามดื่มแอลกอฮอ ลล์ในระหว่างตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด ส่วนบุหรี่มีผลต่ออัตราการเติบโตของตัวอ่อน ทำให้ทารกที่คลอด มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ด้วยเหตุนี้คุณ ควรเลิกสูบบุหรี่ก่อนการตั้งครรภ์
  • สตรีมีมีครรภ์ควรรับประทานอาหารที่ให้แคลอรี โปรตีน เกลือแร่ และวิตามินที่เพียงพอ
    อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมเป็นประจำ สตรีมีครรภ์ก็ไม่จำเป็นต้อง ทานอาหารเสริมอีก ถ้าหากไม่มีปัญหาด้านโภชนาการ สตรีมีครรภ์จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1 กก. ต่อเดือนในระยะ 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และอีก 2 กก.ต่อเดือนในระหว่างการตั้งครรภ์ 6 เดือนหลัง ดังนั้นตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 13 กก. ในทางตรงกันข้าม พวกเขาจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กเป็นอาหารเสริมตั้งแต่เดือนที่ 5 ของการตั้งครรภ์ การทานธาตุเหล็กเสริมขณะที่ท้องว่างจะช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้ดีขึ้น สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์นั้นจำเป็นต้องได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่เหมาะ สมเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันอาการขาดแคลเซียม ของระบบประสาทส่วนกลาง
  • อุจจาระค่อนข้างแข็งตัวในช่วงการตั้งครรภ์ เนื่องจากเคลื่อนไหวของลำไส้จะน้อยกว่าปกติ
    และมดลูกขยายตัวมาก ขึ้นไปกดทับลำไส้อยู่ ดังนั้นสตรีตั้งครรภ์จึงมักมีปัญหาอาการท้องผูก การแก้ปัญหา ท้องผูกควรปฏิบัติดังนี้ นั่นคือการเพิ่มปริมาณของอุจาระโดยการทานผักและผลไม้สด ดื่มน้ำบ่อยๆ และออกกำลังกายเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเครียด
    ไม่จำเป็นที่สตรีตั้งครรภ์ต้องจำกัดการออกกำลังกาย พวกเขาควรดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ และออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม คุณต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบใหม่ หรือความเข้มข้นในการออกกำลังกายปัจจุบัน นอกจากนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการออกแรงมากเกินไป หรือการไต่ขึ้นไปบนที่สูง เป็นต้น
  • ไม่จำเป็นต้องจำกัดกิจกรรมทางเพศจนกว่าจะถึง 4 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม
    คุณควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยาง ถ้าหากมีความเสี่ยงสูงเรื่องการแท้งหรือการคลอด ก่อนกำหนด
  • การตั้งครรภ์สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยไม่คำนึงถึงอายุครรภ์
    กรณีสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่, จะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าคนปกติ เช่น โรคปอดบวม เป็นต้น
    จำเป็นจะต้องได้รับการป้องกัน แนะนำให้ไปฉีดวัคซีน
  • ในกรณีที่สตรีตั้งครรภ์จำเป็นต้องนั่งนานๆ ในระหว่างการเดินทาง เธอควรขยับร่างกายส่วนล่างเป็น
    ระยะ อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อชั่วโมง เพื่อช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้
  • ในช่วงของการตั้งครรภ์ ร่างกายช่วงล่างมักมีอาการบวมน้ำ เนื่องจากหลอดเลือดใหญ่หรือเส้นเลือด
    ดำที่กระดูกเชิงกรานถูกกดทับ การยกขาขึ้นสูงจะช่วยบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม อาการบวมน้ำยังอาจเกิดมาจากปัญหาความดันโลหิตสูงในสตรีมีครรภ์อีกด้วย ดังนั้นคุณจำเป็นต้องตรวจความดันโลหิต ถ้าคุณมีอาการบวมน้ำในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์
  • ช่องคลอดจะมีการคัดหลั่งเพิ่มขึ้นในช่วงของการตั้งครรภ์ สาเหตุเป็นเพราะมีการสร้างเมือกเพิ่มขึ้น
    ที่ต่อมปากมดลูก อันเป็นผลมาจากฮอร์โมนผู้หญิงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นอาการของโรคแต่อย่างใด
  • ให้แพทย์ตรวจร่างกายเป็นประจำ
    ตรวจร่างกายเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ คุณควรได้รับการดูแลก่อนคลอดในช่วงการตั้ง ครร ภ์โดยโรงพยาบาล การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณและป้องกันอันตรายที่อาจส่งผลต่อตัวคุณและ ลูกได้แต่เนิ่นๆ
ข้อมูลที่มีประโยชน์
การดูแลก่อนคลอดของชาวเกาหลี

ชาวเกาหลมีความเชื่อมานานแล้วว่าพฤติกรรมและสภาพจิตใจของมารดาในช่วงการตั้งครรภ์
จะส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ และร่างกายของทารกด้วย แนวทางการดูแลก่อนคลอดนี้เรียกว่าแท- เกียว โดยแต่เดิม มารดาผู้ตั้งครรภ์ควรระมัดระวังการทำงานต่างๆ ไม่คิดในแง่ลบ และไม่ทำ
อะไรที่แผลงๆ รวมทั้ง พูดจาและแสดงอาการต่างๆ ในลักษณะที่ผ่อนคลาย เพื่อให้กำเนิดทายาท
ที่มสุขภาพดี รวมทั้งยังมีข้อจำกัดอีกมากเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถรับประทานได้ รวมถึงความคิดและ
การกระทำต่างๆ ด้วย ดังนั้นในมุมมองของคนเข้าเมืองซึ่งเป็นสตรีที่ตั้งครรภ์คำแนะนำช่วงดูแล
ก่อนคลอดจากครอบครัวของสามี อาจดูเหมือนเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไป และ
อาจสร้างความเครียดได้สูงมาก อย่างไรก็ตาม ความเครียดอาจมาจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน ดัง
นั้นการพูดคุยกันน่าจะเป็นประโยชน์และสร้างความเข้าใจที่ดีกว่าก็เป็นได้ ควรจะจัดให้มีการ
ดูแลก่อนคลอดกับคู่สมรสเพื่อการตั้งครรภ์และการคลอดจะดำเนินไปด้วยดี

04บริการด้านสุขอนามัยสำหรับสตรีตั้งครรภ์

สตรีมีครรภ์ (รวมถึงผู้ย้ายถิ่นฐานที่แต่งงานแล้ว) สามารถรับบริการรักษาพยาบาลได้ที่ศูนย์สาธารณสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงจำเป็นต้องได้รับการดูแลภาคบังคับที่ศูนย์สาธารณสุขหรือสถานพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่ง

  • การตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง
    ไม่ว่าจะเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่อายุน้อยหรืออายุมาก (ต่ำกว่า 20 หรือมากกว่า 35 ปี ) หากมีการเจ็บป่วยในระหว่างตั้งครรภ์เช่น การปวดท้องคลอดก่อนกำหนด เลือดออกที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง ฯลฯ เคยคลอดบุตรก่อนกำหนด และเคยคลอดบุตรที่มีความผิดปกติมาแต่กำเนิด กรณีเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

(1)การฝากครรภ์

สตรีตั้งครรภ์สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพเหล่านี้จากศูนย์การแพทย์สาธารณะได้ อาทิ การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด การตรวจปัสสาวะ (เบาหวาน โปรตีน) การตรวจเลือด (ฮีโมโกลบิน เซลเม็ดเลือดแดง เซลเม็ดเลือดขาว การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ตับอักเสบ กลุ่มเลือด) คุณสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการทดสอบ ก่อนคลอดสำหรับสตรีมีครรภ์ได้ โดยการลงทะเบียนที่ศูนย์การแพทย์สาธารณะ (หัวข้อในการทดสอบอาจแตกต่างกันในศูนย์แต่ละแห่ง)

(2)การสอนและชั้นเรียนการเตรียมตัวกำเนิดบุตร

  • ชั้นเรียนการให้นมบุตร การออกกำลังกายสำหรับสตรีมีครรภ์ การเตรียมตัวให้กำเนิดบุตร การนวดทารก และหัวข้ออื่นๆ
  • ในบางภูมิภาคอาจให้เช่าหนังสือ ซีดี และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ การให้การศึกษาผู้ปกครอง และการคลอดด้วย
    • เนื่องจากแผนงานการให้การศึกษาอยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น เนื้อหาในแต่ละภูมิภาคจะ แตกต่างกันออกไป

(3)บริการให้ธาตุเหล็กและกรดโฟลิก

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ซึ่งลงทะเบียนเอาไว้กับศูนย์สุขภาพสาธารณะโดยมีระยะการตั้งครรภ์นานกว่า 16 สัปดาห์มีสิทธิ์ได้รับวิตามินเสริมธาตุเหล็กเป็นเวลา 5 เดือน

(4)บริการกรดโฟลิก

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ที่เคยลงทะเบียนเอาไว้กับศูนย์สุขภาพสาธารณะมีสิทธิ์ได้รับวิตามินกรดอะมิโนรวมเป็นเวลา 3 เดือนก่อนและหลังการตั้งครรภ์

(5)ความช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาลแก่สตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง

โครงการช่วยค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 3ล้านวอน สำหรับค่ารักษาที่ไม่รวมอยู่ในประกันสุขภาพ สำหรับสตรีตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษา 19 โรคภัยไข้เจ็บที่มีความเสี่ยงสูงในระหว่างตั้งครรภ์

  • กลุ่มเป้าหมาย : สตรีมีครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูง 19 ชนิด* และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    • ภาวะคลอดก่อนกำหนด, ภาวะเลือดออกจากการคลอด, ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง, ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด, ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด, ภาวะรกเกาะต่ำ, ภาวะแท้งคุกคาม, ภาวะน้ำคร่ำมาก, ภาวะน้ำคร่ำน้อย, ภาวะตกเลือดก่อนคลอด, ภาวะปากมดลูกหลวม, โรคความดันโลหิตสูง, ภาวะตั้งครรภ์ซ้อน, โรคเบาหวาน, ภาวะอาเจียนร้ายแรงขณะตั้งครรภ์, โรคไต, หัวใจล้มเหลว, ภาวะทารกโตช้าในครรภ์, โรคเกี่ยวกับมดลูก และส่วนย่อยที่สัมพันธ์กับมดลูก
  • รายละเอียดความช่วยเหลือ : : ค่ารักษา 90% ของค่ารักษาพยาบาล(ไม่เกิน 3 ล้านวอน) ของผู้ป่วยสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ในส่วนที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกันสุขภาพและคนไข้ต้องรับผิดชอบชำระเองทั้งหมด (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการรักษาในโรงพยาบาลและอาหารพิเศษสำหรับคนไข้)
  • ขั้นตอนยื่น : เตรียมเอกสารที่กำหนดไปยื่นสมัครที่สถานีอนามัยที่รับผิดชอบตามที่อยู่ในบัตรประชาชนของสตรีผู้ตั้งครรภ์ หรือยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-health หรือ แอปพลิเคชั่นอาอีมาจุง ภายใน 6 เดือนนับจากวันคลอด
  • เอกสารยื่นประกอบ : ใบสมัคร 1 ชุด, ใบรับรองแพทย์ 1ชุด(ต้องมีชื่อโรคและรหัสประจำโรค), ใบรับรองการเข้าและออกจากโรงพยาบาล, ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล, ใบรายละเอียดค่ารักษาพยาบาล อย่างละ 1 ชุด, สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด, สำเนาสมุดบัญชีที่จะใช้รับเงินสนับสนุน 1 ชุด(ต้องเป็นชื่อของผู้ได้รับการสนับสนุน), บัตรประจำตัวของผู้ยื่นสมัคร เป็นต้น

(6)โครงการเสริมอาหารที่มีคุณค่า

โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อจัดให้การอบรมและรับความรู้รวมถึงจัดสรรอาหารเสริมที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีให้กับคุณแม่ผู้ตั้งครรภ์และทารกที่มีความเสี่ยงเรื่องการขาดสารอาหารหรือปัญหาโภชนาการ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถ ในการบริหารจัดการหลักโภชนาการในชีวิตด้วยตนเอง

โครงการเสริมอาหารที่มีคุณค่า
ประเภท ข้อมูลความช่วยเหลือ
ผู้ที่มีสิทธิ์
ผู้ที่มีสิทธิ์:
เด็กเล็กและทารก (อายุ 6 ปี บริบูรณ์, หลังจากเกิดจนถึง 72 เดือน) สตรีตั้งครรภ์ สตรีหลังคลอดบุตร
เงื่อนไขสำหรับเขตที่พำนัก:
ศูนย์การแพทย์สาธารณะ ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบตามที่อยู่ของตน
  • กรณีเป็นการสมรสกับชาวต่างชาติ คู่สมรสคนใดคนหนึ่งจะต้องเป็นชาวเกาหลี
ระดับรายได้:
ระดับรายได้ตามเกณฑ์จำนวนสมาชิกในครอบครัวต่ำกว่า 80% ของรายได้มาตรฐาน
ปัจจัยการขาดโภชนาการ:
มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง อาทิ โลหิตจาง น้ำหนักตัวต่ำ อัตราการเติบโตไม่ดี หรือได้รับสารอาหารไม่พอ
ข้อมูลความ ช่วยเหลือ
การแจกชุดอาหารเสริมสุขภาพ

: ข้าว มันฝรั่ง ไข่ แครอท นม ถั่วดำ สาหร่าย อกไก่กระป๋อง ส้มเขียวหวาน ฯลฯ แบ่งออกเป็น 6 แพ็คเกจอาหารตามรูปแบบการใช้ชีวิต บวกกับอาหารที่เหมาะสมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (จัดส่งถึงบ้าน เดือนละ 1-2 ครั้ง)
รายละเอียด: การให้การปรึกษาและการศึกษาเรื่องโภชนาการ
  • เมื่อพิจารณาจากปัจจัยการขาดสารอาหารของบุคคลที่เข้าข่าย การให้คำปรึกษาส่วนตัว การให้การศึกษาเป็นกลุ่ม และการเยี่ยมที่บ้าน รวมถึงชั้นเรียนแบบออนไลน์
  • ดำเนินการอย่างน้อยเดือนละครั้ง
วิธีการขอ ช่วยบริการ
ยื่นได้ที่ :
สถานีอนามัยในเขตพื้นที่อาศัย หรือ ทางออนไลน์(www.gov.kr) (หากสถานที่พักอาศัยจริงแตกต่างจากบนบัตรประชาชน หรือปู่ย่าตายายหรือผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้ยื่นแทน จำเป็นต้องไปยื่นที่สถานีอนามัยด้วยตนเอง)
เอกสารที่จำเป็นต้องใช้
  • เอกสารพิสูจน์จำนวนสมาชิกในครอบครัว: สำเนาบัตรประจำตัวคนต่างด้าวและใบรับรองความสัมพันธ์ในครอบครัว
  • เอกสารพิสูจน์ระดับรายได้: ใบเสร็จของการจ่ายค่าประกันสุขภาพ บัตรประกันสุขภาพ เอกสารพิสูจน์การได้สิทธิการรับความช่วยเหลือ การดำรงชีวิตพื้นฐาน หรือความช่วยเหลือครอบครัวยากจน (ตามความเหมาะสม)
  • เอกสารอื่นๆ: เอกสารพิสูจน์การตั้งครรภ์หรือการกำเนิดบุตร: คู่มือการเลี้ยงดูบุตร ใบรับรองและความเห็นทางการแพทย์ (ก่อนกำเนิดบุตร) หรือสูติบัตร (หลังคลอด)
ให้บริการตามศูนย์การแพทย์สาธารณะทั่วประเทศ ยกเว้นอองจิน-กัน (อินชอน)
และอุลเลียงโด (เกียงซางบัก-โด) คุณสามารถขอคำแนะนำโดยการติดต่อศูนย์การแพทย์ส
าธารณะ ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบตามที่อยู่ของตนเอง หรือทางโทรศัพท์ก็ได้

(7)โครงการสนับสนุนการฉีดวัคซีนแห่งชาติไข้หวัดใหญ่ สำหรับสตรีตั้งครรภ์

เป็นโครงการที่ดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อการป้องกันป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับสตรีตั้งครรภ์และเด็กในครรภ์

  • ผู้ที่มีสิทธิ์: สตรีตั้งครรภ์(ฉีดวัคซีนได้โดยไม่คำนึงถึงอายุครรภ์)
    • เฉพาะในกรณีที่ยื่นเอกสารหลักฐานที่ยืนยันว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ (เช่น คู่มือของแม่ เป็นต้น)
  • รายการสนับสนุน : ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 1 ครั้ง
  • สถานที่ฉีดวัคซีน: ศูนย์สุขภาพแห่งชาติและสถาบันทางการแพทย์ที่กำหนด
    • สามารถไปฉีดวัคซีนได้ที่ ศูนย์สุขภาพแห่งชาติและสถาบันทางการแพทย์ที่กำหนด โดยไม่คำนึงถึงเขตที่อยู่, ตรวจสอบรายชื่อสถาบันการแพทย์ที่ได้รับมอบหมายผ่านเว็บไซต์โครงการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ ผู้ช่วยการฉีดวัคซีน (https://nip.cdc.go.kr) → การฉีดวัคซีนเด็ก→ ค้นหาสถาบันการแพทย์ (แอปมือถือก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน)

05การคลอดบุตร

สตรีตั้งครรภ์สามารถให้กำเนิดบุตรได้ที่คลินิกนรีแพทย์ หรือโรงพยาบาลก็ได้ สตรีที่ได้รับการดูแลที่
ศูนย์บริการสาธารณะจำเป็นต้องไปกำเนิดบุตรที่โรงพยาบาลที่มีแผนกนรีแพทย์เช่นกัน คุณจำเป็นต้อง
เตรียมตัวก่อนการคลอดเพื่อหลีกเลี่ยง "สถานการณ์ตกใจเกินเหตุ" การคลอดแบบปกติสองแบบคือการ
คลอดตามธรรมชาติ และการผ่าท้อง

(1)การคลอดตามธรรมชาติ

  • การคลอดตามธรรมชาติคือการให้กำเนิดบุตรโดยวิธีธรรมชาติผ่านช่องคลอด โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือเรื่อง ยาหรือเครื่องจักร โดยอาจมีการผ่าช่องคลอดเพิ่มเพื่อช่วยให้คลอดได้ง่ายขึ้น
  • ถ้าหากเด็กไม่คลอดหลังจากเวลาผ่านไปนานมาก จะมีการฉีดยากระตุ้นให้คลอด ถ้าหากเป็นการคลอดบุตรคนแรกอาจต้องใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมง จนการคลอดบุตรคนต่อๆ ไปอาจใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
  • การคลอดบุตรตามธรรมชาติอาจเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ความเจ็บปวดจะหายไปทันทีหลังจากการคลอดบุตรแล้ว แถมวิธีนี้ยังถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอีกด้วย นอกจากนั้นระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาลยังสั้นที่สุด โดยปกติจะใช้เวลาแค่ 2-3 วัน และยังประหยัดที่สุดอีกด้วย

(2)การผ่าตัดคลอด

  • เมื่อไม่สามารถคลอดบุตรตามธรรมชาติด้ คุณอาจต้องใช้วิธีผ่าคลอด แพทย์มักใช้ขั้นตอนนี้ในสถานการณ์อันตราย อาทิเช่น คลอดก่อนกำหนด เชิงกรานแคบ หรือเด็กกลับหัว เป็นต้น
  • การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดประเภทหนึ่ง และอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำให้ใช้วิธีคลอดตามธรรมชาติ เว้นแต่การผ่าคลอดเป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
  • การผ่าคลอดมักต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังคลอด และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการคลอดธรรมชาติ
ถ้าคุณติดต่อองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือ อาทิ Danuri Helpline (☎1577-1366) ศูนย์ให้ความช่วยเหลือครอบครัวหลากวัฒนธรรมในบริเวณใกล้เคียง ศูนย์การแพทย์สาธารณะ ศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับสตรีเข้าเมือง คุณสามารถขอบริการล่ามและการแปลได้ด้วย

06สนับสนุนบัตรแรกพบ

มอบบัตรแรกพบมูลค่า 2 ล้านวอนแก่เด็กที่เกิด เพื่อลดภาระทางการเงินที่มาจากการเลี้ยงดูเด็กในช่วงระยะแรกเกิด

ผู้รับประโยชน์ :
เด็กที่เกิดหลังวันที่ 1 มกราคม 2022 ซึ่งมีการแจ้งเกิดและได้รับหมายเลขประจำตัวประชาชนอย่างปกติ
  • ผู้ถือครองสัญชาติเกาหลี*(รวมผู้ถือครองหลายสัญชาติ ตาม 「กฎหมายสัญชาติ」 และผู้ได้รับการรับรองเป็นผู้ลี้ภัย ตาม 「กฎหมายผู้ลี้ภัย」 **)
    • แม้บิดามารดาจะเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ แต่หากเด็กที่เกิดมีสัญชาติเกาหลีจะถือว่าตรงตามเงื่อนไข
    • ยกเว้น กรณีที่อยู่ระว่างการพิจารณาตรวจสอบคำขอรับรองเป็นผู้ลี้ภัย
    • กรณีของเด็กที่เกิดในต่างประเทศ จะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการพำนักในประเทศเกาหลีเพื่อออกหมายเลขประจำตัวประชาชน(คู่มือสำนักงานการขึ้นทะเบียนราษฎร์ปี 2020)
  • 'ผู้มีกิตติคุณพิเศษ' ตาม「กฎหมายการดูแลปฏิบัติขั้นพื้นฐานต่อชาวต่างชาติในเกาหลี」
  • มีมาตรการคุ้มครอง ตาม 「กฎหมายสวัสดิการเด็ก」 มาตรา 52 วรรค 1 ข้อ 1 เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในการเลี้ยงดูเด็ก หรือในวรรคเดียวกันข้อ 4 เรื่องครอบครัวที่ใช้ชีวิตร่วมกัน และเด็กจะได้รับหมายเลขจัดการสวัสดิการสังคม ก่อนการแจ้งเกิด
จำนวนเงินที่สนันสนุน :
ตามระเบียบจะจ่ายเป็นคูปองใช้งาน(คะแนน)บัตรกุกมินแฮงบก มูลค่า 2 ล้านวอนต่อเด็กที่เกิด 1 คน ยกเว้นกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จะจ่ายเป็น(เงินสด)
วิธีการยื่นขอ :
(ไปด้วยตนเอง) ที่ศูนย์บริการชุมชนประจำอึบ/มยอน/ดง (ออนไลน์) จองบู 24, เว็บไซต์บกจีโร
ระยะเวลาใช้งาน :
1 ปี ตั้งแต่วันที่เด็กเกิด(วันที่ขึ้นทะเบียนราษฎร์)
  • หากไม่ใช้คะแนน(เงิน)ที่ได้รับภายในระยะเวลาที่กำหนด คะแนนจะสูญไปโดยอัตโนมัติหลังจากวันสิ้นสุดการใช้งาน
    • (ตัวอย่าง) กรณีที่เด็กเกิดวันที่ 27 เมษายน 2022 จะสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 26 เมษายน 2023 และบัตรของขวัญจะหายไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่เวลา 00:00 น. ของวันที่ 27 เมษายน 2023
  • ทั้งนี้ ยกเว้นกรณีของเด็กที่เข้าใช้บริการในสถานรับเลี้ยง ซึ่งจะได้รับเป็นเงินสดผ่านทางบัญชีดีดิมชีอัต
  • เนื่องจากวันที่เริ่มการจ่ายเงินคือวันที่ 1 เมษายน 2022 ให้เป็นข้อยกเว้น สำหรับเด็กที่เกิดระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2022 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2022 ถึง 31 มีนาคม 2023
ขอบเขตการใช้งาาน :
สามารถใช้ได้ในร้านค้าทุกประเภท(รวมการซื้อผ่านออนไลน์) ยกเว้น ร้านค้าปลอดภาษีและสถานบันเทิง*
  • เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินของครอบครัวที่ให้กำเนิดบุตร จึงสามารถใช้ได้ในหลากหลายสถานที่ ยกเว้นธุรกิจประเภทที่ระบุข้างต้น
  • (ธุรกิจที่ยกเว้น) สถานบันเทิง(ธุรกิจสถานบันเทิงผับบาร์ทั่วไป, ธุรกิจสถานบันเทิงผับบาร์ทั้งหมด, ร้านเบียร์สด, ธุรกิจร้านเหล้าอื่นๆ), ธุรกิจการพนัน (คาสิโน, ร้านขายลอตเตอรี่, ร้านตู้เกม), ธุรกิจเกี่ยวกับสุขอนามัย(ร้านอาบอบนวด, ร้านนวด, ร้านซาวน่า), ธุรกิจเพื่อความบันเทิง(ร้านวิดีโอ, ร้านคาราโอเกะ ฯลฯ), อื่นๆ (ของใช้สำหรับผู้ใหญ่, บัตรของขวัญ ฯลฯ), ร้านค้าปลอดภาษี, บัตรของขวัญแบบออนไลน์ เป็นต้น
  • ตามการจำแนกย่อยในการจัดประเภทอุตสาหกรรมตามมาตรฐานของเกาหลี ซึ่งสอดคล้องกับสถานที่ที่สามารถใช้งานคลีนการ์ดของหน่วยงานราชการได้
สามารถใช้งานได้ตามเงื่อนไข “KOGL (ลิขสิทธิ์เปิดเผยซอร์ซโค้ดของเกาหลี) ประเภท 4: ระบุแหล่งซอร์ซโค้ด+ห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์+ห้ามทำการเปลี่ยนแปลง”