โรงเรียนมัธยมต้นมีหลักสูตร 3 ปี จะมีการมอบหมายให้เข้าเรียนโดยทำการ จับฉลากตามภูมิภาคและกลุ่มโรงเรียน, กรณีในพื้นที่ ที่ระยะทางและการเดินทางไม่สะดวก จะมีการมอบหมายให้เข้าเรียนตามเขตโรงเรียนมัธยมที่กำหนดโดยผู้อำนวยการ โรงเรียนมัธยมต้นเป็นการศึกษาภาคบังคับ เช่นเดียวกับโรงเรียนประถมศึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย, กรณีที่ผู้ปกครองไม่ส่งเด็กเข้าเรียน อาจถูกปรับได้
หลักสูตรมัธยมต้นจะขึ้นอยู่กับผลการเรียนของระดับประถมศึกษา การพัฒนาทักษะพื้นฐานและการเรียนรู้ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของนักเรียน เน้นการปลูกฝังความเป็นพลเมืองดีและระบอบประชาธิปไตย โดยนักเรียนจะต้องเรียน 8 วิชาต่อภาคการศึกษา
วิชามีดังต่อไปนี้
ชั้นเรียน (หมวด) | ชั่วโมงเรียน ของนักเรียนระ ดับชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 ถึง 3 | เนื้อหาการเรียนรู้ที่สำคัญ |
---|---|---|
ภาษาเกาหลี | 442 | ฟัง พูด อ่าน เขียน ไวยากรณ์ วรรณคดี |
สังคมศึกษา (รวมถึงประวัติศาสตร์) และจริยธรรม | 510 | การเมือง, กฎหมาย, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์, ความมีจริยธรรม เป็นต้น |
คณิตศาสตร์ | 374 | ตัวเลขและการคำนวณ ตัวหนังสือและสูตร ฟังก์ชั่น เรขาคณิต ความน่าจะเป็นและสถิติ |
วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมศิลป์ และ ศาสตร์แห่งครัวเรือน /สารสนเทศ | 680 | ความแข็งแกร่งและการออกกำลังกาย, สสาร, ชีววิทยา, โลกของเรา, ครอบครัว การใช้เทคโนโลยี , วัฒนธรรมสารสนเทศ เป็นต้น |
พลศึกษา | 272 | สุขภาพ, ความท้าทาย, การแข่งขัน, การแสดงออก, ความปลอดภัย |
ศิลปะ (ดนตรี วิจิตรศิลป์) | 272 | การแสดงออก การมองเห็นคุณค่า และแนวทางชีวิต ประสบการณ์ การแสดงออก การมองเห็นคุณค่า |
ภาษาอังกฤษ | 340 | การฟัง, การพูด, การอ่าน, การเขียน |
วิชาเลือก | 170 | ตัวอักษรจีน, สิ่งแวดล้อม, ภาษาต่างประเทศในชีวิตประจำวัน(ภาษาเยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปน, จีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, อาหรับ, เวียดนาม), สุขอนามัย, ทิศทางของชีวิตและอาชีพ เป็นต้น |
กิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมพิเศษนอกเหนือวิชาเรียนซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ 4 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมอิสระ, กิจกรรมชมรม, กิจกรรมอาชีพ, กิจกรรมอาสา ซึ่งแต่ละโรงเรียน สามารถปรับความยืดหยุ่นได้ ตามความเหมาะสมกับพัฒนาการตามวัยของเด็ก
และความสอดคล้องกับความต้องการของหลักสูตร รายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในโรงเรียนชั้นมัธยมต้นมีดังต่อไปนี้
ขอบเขต | กิจกรรม | เป้าหมายของการอบรม |
---|---|---|
กิจกรรมอิสระ |
| การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี, ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างเสรีและสมเหตุสมผล, เสริมสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายแขนง เป็นต้น |
กิจกรรมชมรม |
| การสร้างมุมมองทางศิลปะ, การพัฒนาจิตใจและร่างกายที่ดี, การสำรวจและทักษะการแก้ปัญหา, การสำรวจวัฒนธรรมต่างๆและทำความเข้าใจ, บ่มเพาะทักษะความเป็นผู้นำทางสังคม |
กิจกรรม อาสาสมัคร |
| ฝึกฝนการเป็นอาสาสมัคร ผ่านทักษะและงานอดิเรกของนักเรียน |
กิจกรรมอาชีพ |
| เสริมสร้างการมองโลกในแง่ดี, การสำรวจอาชีพ |
"ความรุนแรงในโรงเรียน" หมายถึง พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย จิตใจหรือทรัพย์สิน เนื่องมาจาก การทำร้ายร่างกาย, การใช้ความรุนแรง, การกักขัง, การข่มขู่, ยาเสพติด·การล่อลวง, การทำลายชื่อเสียง·ดูถูก, การคุกคาม, การขู่บังคับให้ทำตามคำสั่งและความรุนแรงทางเพศ, การกลั่นแกล้ง, การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ เป็นต้น ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนทั้งในและนอกโรงเรียน นอกจากนี้ พฤติกรรมทุกอย่างที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย จิตใจหรือทรัพย์สิน ล้วนนับเป็นความรุนแรงในโรงเรียนได้ทั้งสิ้น
หากเรื่องที่บุตรถูกใช้ความรุนแรง ได้รับการแจ้งไปยังหน่วยงานดูแลความรุนแรงในโรงเรียนที่อยู่ภายในโรงเรียน หน่วยงานจะตรวจสอบการใช้ความรุนแรงหรือถูกใช้ความรุนแรงเบื้องต้นก่อน จากนั้นจะรายงานเรื่องไปยังสำนักงานศึกษาธิการภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากนั้น 'พนักงานสอบสวนการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน' จากศูนย์ลดความรุนแรงในโรงเรียนของสำนักงานศึกษาธิการ จะไปพบนักเรียนและผู้ปกครองของนักเรียน เป็นต้น เพื่อตรวจสอบความจริงของคดี
และเมื่อได้รับผลการตรวจสอบจากพนักงานสอบสวนแล้ว หน่วยงานจะพิจารณาว่าผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถแก้ปัญหาเองได้หรือไม่ หากมีคุณสมบัติครบถ้วนในการแก้ปัญหาเอง และนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อและผู้ปกครองให้การยินยอม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ แต่หากผู้อำนวยการโรงเรียนไม่มีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาเอง หรือนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อและผู้ปกครองไม่ให้การยินยอม โรงเรียนจะร้องขอการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณานโยบายรับมือความรุนแรงในโรงเรียน ที่ตั้งอยู่ในสำนักงานศึกษาธิการ
ฝ่ายที่ปรึกษา ระดับ 1 ก่อตั้งอยู่ในโรงเรียน สำหรับนักเรียนที่ประสบกับปัญหาชีวิตในโรงเรียน เนื่องจากเหตุผลหลายประการ บริการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาเพื่อการปรับตัวในโรงเรียน
คณะกรรมการพิจารณาการแผนรับมือกับความรุนแรงในโรงเรียน เป็นคณะกรรมการตามกฎหมายในสำนักงานการศึกษา มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับมือและการป้องกันความรุนแรงในโรงเรียน คณะกรรมการพิจารณา จะพิจารณาการป้องกันและมาตรการต่อต้านความรุนแรงในโรงเรียน, การคุ้มครองเหยื่อ, การลงโทษตักเตือนผู้กระทำผิดและการฝึกอบรมในทางที่เหมาะสม, พิจารณาเรื่องการระงับข้อพิพาทระหว่างเหยื่อและผู้กระทำผิด
หน่วยงานให้คำปรึกษา ระดับ 2 ก่อตั้งในสำนักงานสนับสนุนการศึกษา เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหา ที่ยากต่อการรักษาและชี้นำทางจากโรงเรียน บริการวินิจฉัย รักษาและให้คำปรึกษาแบบมืออาชีพ
หน่วยงานให้คำปรึกษา ระดับ 3 ก่อตั้งในสำนักงานการศึกษา ในเขตเมืองและจังหวัด
สำหรับนักเรียนที่เผชิญวิกฤติรุนแรงเช่นการถูกระงับโรงเรียน ต่างๆ ที่ต้องการรักษาและการศึกษาระยะยาว
โปรแกรมอบรมทางเลือกโรงเรียนประจำต่างๆ บริการให้คำปรึกษา การรักษาและการอบรมที่หลากหลาย
มูลนิธิต้นไม้สีเขียว ได้สร้างทีมช่วยเหลือ SOS จากความรุนแรงในโรงเรียน, การจัดหาโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อการเยียวยา นักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อและผู้กระทำผิด ครอบครัว จากการได้รับความรุนแรงในโรงเรียน, การป้องกันความรุนแรงในโรงเรียนและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโรงเรียน โทร (☎1588-9128) หรือทางออนไลน์ (www.btf.or.kr)
คำปรึกษาวัยรุ่น 1388 คือบริการ ที่ให้คำปรึกษา โดยกระทรวงความเท่าเทียมกันทางเพศและครอบครัว เป็นผู้ดำเนินการอยู่ คุณสามารถรับคำปรึกษาเกี่ยวกับ ความกังวลต่างๆ จากปัญหาความเสียหายความรุนแรงหรือปัญหามิตรภาพในโรงเรียนฯลฯ กับอาจารย์ที่ปรึกษามืออาชีพ ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ต่อปี โทร (☎1388), ทางออนไลน์ (www.cyber1388.kr), สามารถใช้ระบบข้อความ, KakaoTalk (# 1388) ได้
ซังดามี แซม คือบริการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาผ่านมือถือ ที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษา และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียน โดยการประสานงานระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ, ธนาคาร เคบี กุกมิน, คาคาโอ, สมาคมการแพทย์แบบเปิด โดยเข้าไปที่ ‘แอปคาคาโอท็อล์ค’ ค้นหาคำว่า ‘ซังดามีแซม’ แล้วกดเพิ่มเพื่อน จากนั้นเมื่อคุณส่งข้อความไป ก็จะสามารถรับคำปรึกษากับที่ปรึกษามืออาชีพได้ (เวลาที่สามารถรับคำปรึกษา : วันธรรมดา 10: 00 ~ 24: 00, เสาร์อาทิตย์ / ไม่รวมวันหยุด ) การให้คำปรึกษาระหว่าง นักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อและผู้กระทำความรุนแรงในโรงเรียน และนักเรียนที่มีความเสี่ยงสูง โดยการคัดเลือกไม่เกิน 10 คนต่อเดือน สนับสนุนค่าใช้จ่ายการรักษาทางจิตวิทยา ไม่เกิน 800,000 วอนต่อเดือน
วีเป็นชื่อย่อของ “WE + Education”, หรือ “WE + Emotion”