ศูนย์โทรศัพท์ Danuri
1577-1366
การโทรให้คำปรึกษาครอบครัว
1577-4206
한국생활안내 정보더하기 사이트로 이동

การลาหยุดช่วงก่อนหรือหลังการคลอดบุตร

  • Home
  • การจ้างงานและแรงงาน
  • การลาหยุดช่วงก่อนหรือหลังการคลอดบุตร

การลาหยุดช่วงก่อนหรือหลังการคลอดบุตร

ในกรณีที่พนักงานตั้งครรภ์ คุณมีสิทธิที่จะลาคลอดได้ทั้งก่อนและหลังการคลอด นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ระบบ การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร (ลดชั่วโมงทำงานลงในระหว่างการดูแลทารกแรกเกิด) เพื่อเลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียนที่อายุต่ำกว่า 6 ปีได้อย่างเต็มที่ด้วย

  • ลูกจ้างสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ สามารถใช้การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้เช่นกัน

 

01การลาก่อนหรือหลังคลอด

(1)คุณสมบัติ

  • ตามกฎหมายแรงงานพื้นฐาน ลูกจ้างสตรีที่ทำงานในสถานประกอบการซึ่งมีการจ้างงานลูกจ้าง 1 คนขึ้นไป ไม่ว่าใครก็สามารถใช้สิทธิ์ได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับรูปแบบของสัญญาจ้าง(พนักงานประจำ, พนักงานชัาวคราว ฯลฯ)

(2)ระยะเวลาการลาก่อนหรือหลังการคลอด

ถ้าหากไม่มีปัญหาในการคลอด พนักงานอาจจะขอลาหยุด 90 วันในหรือวันที่คลอดก็ได้ พนักงานอาจจะลาหยุด 45 วันหรือมากกว่านี้ หลังจากการคลอด
พนักงานหญิงสามารถขอลา 44 วันในช่วงเพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ แทนการลาในช่วงใกล้คลอดได้ ในกรณีต่อไปนี้;
  • ① พนักงานเคยแท้งบุตร (miscarriage) หรือให้กำเนิดทารกไร้ชีพหรือตายคลอด (stillbirth) มาแล้ว
    ② อายุของพนักงานเกิน 40 ปีบริบูรณ์แล้ว
    ③ พนักงานส่งคำวินิจฉัยลายลักษณ์อักษรของสถาบันทางการแพทย์ที่ระบุว่า เธอเสี่ยงต่อการแท้งบุตรหรือ ให้กำเนิดทารกตายคลอด
การลาก่อนและหลังคลอดจะอนุมัติให้กับพนักงานของธุรกิจเท่านั้น ดังนั้นการลาจะสิ้นสุดลงเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลง ในระหว่างการลาด้วย
  • ไป สตรีที่ให้กำเนิดทารกตั้งแต่สองหรือมากกว่าในการคลอดครั้งเดียว (คลอดลูกแฝด) จะสามารถลาคลอดได้กว่า 120 วัน โดยที่ระยะเวลาการลาหลังการคลอดจะต้องเป็นเวลา 60 วันหรือมากกว่านี้

(3)ค่าจ้างในช่วงการลาก่อนและหลังคลอดบุตร

  • ในระหว่างการลาคลอดนั้น จะได้รับเงินเดือนตามอัตราสำหรับการลาคลอดของในแต่ละที่
  • บริษัทใหญ่ๆ จะให้ 100% ของเงินเดือนปกติของพนักงานเป็นเวลา 60 วัน และที่เหลืออีก 30วันจะจ่ายโดยประกันการว่างงาน (สูงสุด 2,100,000 วอนต่อเดือน)
  • ในกรณีของธุรกิจที่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีการสนับสนุนนโยบายนี้นั้น จะจ่ายเงินให้กับการลา 90 วันโดยผ่านประกันการว่างงาน (สูงสุด 2,100,000 วอนต่อเดือน) โดยบริษัทจะจ่ายส่วนต่างระหว่างค่าจ้างปกติ และ เงินเดือนสำหรับการลาคลอดบุตรในช่วงเวลา 60 วันแรก
  • กรณีที่ลูกจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลาแน่นอนหรือลูกจ้างแบบถูกจัดส่งมาทำงาน หมดสัญญาในระหว่างช่วงการลาคลอด ลูกจ้างจะสามารถรับเงินชดเชยจากการลาตามกฎหมายสำหรับช่วงระยะเวลาของวันลาที่เหลือได้จากประกันการจ้างงาน
  • บริษัทใหญ่ๆ จะจ่าย 100% ของค่าจ้างตามปกติเป็นเวลา 75 วันในกรณีของการคลอดบุตร 2 คนหรือมากกว่านี้ในการคลอดครั้งเดียว (ลูกแฝด) โดยเงินเดือนสำหรับ 45 วันที่เหลืออยู่นั้น จะจ่ายโดยประกันการว่างงาน (สูงสุด 2,100,000 วอนต่อเดือน) และในกรณีที่เป็นบริษัทขนาด เล็กและกลาง ประกันการว่างงานก็จะจ่ายเงินเดือนในช่วงการลาเป็นเวลา 120 วัน (สูงสุด 2,100,000 วอนต่อเดือน)

(4)การขอรับค่าจ้างในช่วงการลาก่อนหรือหลังคลอด

พนักงานที่ประสงค์จะรับค่าจ้างในระหว่างการลา จะต้องไปรับเอกสารยืนยันความประสงค์จากเจ้าของธุรกิจ แล้วส่งเอก สารดังกล่าวพร้อมรายละเอียดการขอรับค่าจ้างในช่วงก่อนหรือหลังการคลอด โดยส่งไปยังศูนย์การจ้างงานซึ่งที่อยู่ของ ธุรกิจนั้นๆ หรือที่ตั้งของธุรกิจนั้นๆ ตั้งอยู่
เอกสารที่จำเป็น
  • เอกสารที่ได้รับจากบริษัท : เอกสารยืนยันความประสงค์เพื่อขอลาหยุดก่อนหรือหลังคลอด เอกสารเงินเดือน และเอกสาร ที่สามารถยืนยันค่าจ้างได้ เช่น สำเนาของสัญญาจ้าง เป็นต้น
  • เอกสารที่ได้จากหน้าโฮมเพจของกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน หรือศูนย์การจ้างงาน : แบบฟอร์มใบสมัครเพื่อการลา ก่อนหรือหลังคลอด

02การลาเนื่องจากการแท้งบุตรหรือการคลอดเด็กที่เสียชีวิตขณะคลอด

(1)คุณสมบัติ

  • การลาสำหรับการแท้งบุตรหรือภาวะตายคลอด ตามหลักการแล้วจะอนุญาตให้เฉพาะกรณีที่แท้งบุตรโดยธรรมชาติเท่านั้น(กรณีของการผ่าตัดยุติการตั้งครรภ์ อนุญาตให้เฉพาะกรณีตาม「กฎหมายสุขภาพแม่และเด็ก」 มาตรา 14 วรรค 1 เท่านั้น) และระยะเวลาที่สามารถลาได้จะแบ่งระดับตามระยะเวลาการตั้งครรภ์)
  • ตามกฎหมายมาตรฐานแรงงาน พนักงานหญิงที่ได้รับการจ้างงานในธุรกิจที่มีพนักงานหนึ่งคนหรือ
    มากกว่าขึ้นไป จะสามารถขอลาหยุดได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงประเภทของสัญญาการจ้างงานของเธอแต่
    อย่างใด (ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประ จำหรือพาร์ตไทม์ก็ตาม)

(2)ระยะเวลาการลาหยุดกรณีแท้งบุตรและการคลอดที่เด็กเสียชีวิตในขณะที่คลอด

การลาหยุดเพื่อการคุ้มครองแบบก้าวหน้านั้น จะได้รับการอนุมัติตามระยะเวลาการตั้งครรภ์ก่อนการแท้งบุตร หรือการให้กำเนิดทารกตายคลอด
  • ภายใน 11 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ : กว่า 5 วันของการลาหยุดเพื่อการคุ้มครอง จะได้รับการอนุมัติจากวันที่แท้งบุตร หรือการให้กำเนิดทารกตายคลอด
  • 12 ถึง 15 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ : กว่า 10 วันของการลาหยุดเพื่อการคุ้มครอง จะได้รับการอนุมัติจากวันที่แท้งบุตร หรือให้กำเนิดทารกตายคลอด
  • 16 ถึง 21 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ : 30 วันจากวันที่แท้งบุตร หรือให้กำเนิดทารกตายคลอด
  • 22 ถึง 27 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ : 60 วันจากวันที่แท้งบุตร หรือให้กำเนิดทารกตายคลอด
  • 28 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป : 90 วันจากวันที่แท้งบุตร หรือให้กำเนิดทารกตายคลอด

(3)เบี้ยเลี้ยงสำหรับการลาหยุดเนื่องจากแท้งบุตรและ

  • เช่นกันกับการลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตร มาตรฐานเดียวกันจะได้รับการนำมาใช้กับเบี้ยเลี้ยงสำหรับการลา
    หยุดเนื่องจากแท้ง บุตรหรือตายคลอดด้วย
  • ในบริษัทใหญ่ๆ จะจ่ายเบี้ยเลี้ยงในส่วนแรกจำนวน 60 วันของการลา และประกันการจ้างงานจะ
    จ่ายเบี้ยเลี้ยงในส่วนหลัง เป็นเวลา 30 วันของการลา (สูงสุด 2,100,000 วอนต่อเดือน)
  • สำหรับพนักงานในบริษัทขนาดกลางและเล็ก ประกันการจ้างงานจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินสำหรับ 90 วันของการลาหยุด (สูงสุด 2,100,000 วอนต่อเดือน)

(4)วิธีการขอค่าจ้างในช่วงลาหยุด เนื่องจากการแท้งบุตรหรือเด็กเสียชีวิตในขณะที่คลอด

  • ลูกจ้างที่ต้องการรับเงินชดเชยจากการลาสำหรับการแท้งบุตรหรือภาวะตายคลอด ต้องได้รับหนังสือรับรองการลาสำหรับการแท้งบุตรหรือภาวะตายคลอดจากนายจ้าง และนำเอกสารแบบฟอร์มขอรับเงินชดเชยจากการลาสำหรับการแท้งบุตรหรือภาวะตายคลอดและใบรับรองแพทย์จากสถาบันทางการแพทย์ที่สามารถบอกข้อเท็จจริงของการแท้งบุตรหรือภาวะตายคลอด ไปยื่นที่ศูนย์จ้างงานในพื้นที่ที่ผู้ยื่นขอพำนักอาศัย หรือศูนย์จ้างงานที่ดูแลพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่

03การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร

ลูกจ้างสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือลูกจ้างที่มีบุตรอายุต่ำว่า 8 ปีบริบูรณ์ หรือเรียนในระดับชั้นต่ำว่าประถมศึกษาปีที่ 2 สามารถขอลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้เป็นระยะเวลา 1 ปี

(1)คุณสมบัติ

  • ลูกจ้างสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือลูกจ้างชายหญิงที่มีบุตรอายุต่ำว่า 8 ปีบริบูรณ์หรือเรียนในระดับชั้นต่ำว่าประถมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งทำงานในที่ทำงานหนึ่งอย่างต่อเนื่องมาแล้วเป็นระยะเวลามากกว่า 6 เดือน สามารถยื่นขอลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้
  • การลาหยุดเพื่อดูแลเด็กได้รับการประกันเพื่อป้องกันพนักงานชายและหญิงลาออกจากงาน เนื่องมาจากต้องดูแลบุตร และ ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการงานบ้านและงานของบริษัทได้อย่างลงตัว

(2)ระยะเวลาในการลาหยุดเพื่อดูแลบุตร

  • ระยะเวลานานที่สุดในการลาหยุดเพื่อดูแลดูบุตรนั้น สามารถขยายระยะเวลาออกไปได้ถึงหนึ่งปี

(3)เบี้ยเลี้ยงการลาหยุดเพื่อดูแลบุตร

  • แม้ว่าจะไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตรแต่ทางประกันการจ้างงานก็มีการจ่ายเงินช่วยเหลือช่วงลาหยุดเพื่อดูแลบุตร* เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูบุตรและดำรงชีพต่อไปได้อย่างไม่ทุลักทุเล.
    • 80% ของเงินเดือนปกติ (สูงสุด 1,500,000 วอน, ต่ำสุด 700,000 วอน)
  • 8กรณีที่พ่อแม่ใช้การลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรพร้อมกันหรือตามลำดับ สำหรับบุตรที่เกิดได้ไม่เกิน 12 เดือน พ่อแม่จะได้รับเงินชดเชยสำหรับการลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรใน 3 เดือนแรกเป็นเงิน 100% ของเงินเดือนปกติ (สูงสุด 2,000,000~3,000,000 วอน) ต่อคน (ระบบการลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรของพ่อแม่ 3+3)
    • แม่ 3 เดือน + พ่อ 3 เดือน: สนับสนุนสูงสุดคนละ 3 ล้านวอนต่อเดือน(100% ของเงินเดือนปกติ) แม่ 2 เดือน + พ่อ 2 เดือน: สนับสนุนสูงสุดคนละ 2.5 ล้านวอนต่อเดือน(100% ของเงินเดือนปกติ) แม่ 1 เดือน + พ่อ 1 เดือน: สนับสนุนสูงสุดคนละ 2 ล้านวอนต่อเดือน(100% ของเงินเดือนปกติ)
      → สนับสนุนพ่อแม่สูงสุดคนละ 7.5 ล้านวอน
  • นอกเหนือจากเงินชดเชยสำหรับการลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตร เพื่อเป็นเงินอุดหนุนการจ้างงานที่มั่นคงในช่วงคลอดและเลี้ยงดูบุตร นายจ้างในธุรกิจที่มีสิทธิ์รับการสนับสนุนอันดับแรกจะได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุน(เมื่อใช้กรณีพิเศษ 2 ล้านวอนต่อเดือน, นอกเหนือจากนั้น 3 แสนวอนต่อเดือน) สำหรับการลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรของลูกจ้าง
    • (กรณีพิเศษ) มอบเงิน 2 ล้านวอนต่อเดือนในระยะเวลา 3 เดือนแรก แก่นายจ้างที่อนุญาตให้ลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรสำหรับบุตรที่อายุไม่เกิน 12 เดือนบริบูรณ์ ได้เป็นระยะเวลามากกว่า 3

(4)วิธีการขอเบี้ยเลี้ยงการลาหยุดเพื่อดูแลบุตร

ส่งใบสมัครเพื่อขอเบี้ยเลี้ยงในการลาหยุดเพื่อดูแลบุตรของคุณไปยังเจ้าของธุรกิจ 30 วัน ก่อนที่จะถึงวันที่ต้องการหยุด
พนักงานที่ประสงค์จะรับเบี้ยเลี้ยงในช่วงการลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตรนั้น จะต้องใช้เอกสารยืนยันจากเจ้าของธุรกิจ แล้วส่ง มาพร้อมกับใบสมัครเบี้ยเลี้ยง โดยส่งไปที่ศูนย์การจ้างงานตามเขตอำนาจที่อยู่เหนือที่อยู่ของผู้สมัคร หรือสถานที่ตั้งของธุรกิจนั้นๆ
เอกสาร
  • เอกสารที่ได้มาจากบริษัท: เอกสารยืนยันสำหรับการลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตร เอกสารเงินเดือนที่สามารถยืนยันค่าแรงได้ เช่น สัญญาจ้างงาน (สำเนา) เป็นต้น
  • เอกสารที่ได้มาจากหน้าโฮมเพจของกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน หรือศูนย์การจ้างงาน: แบบฟอร์มใบสมัครสำหรับ การลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตร

04การลดชั่วโมงการทำงานในช่วงการเลี้ยงดูบุตร

  • พนักงานที่มีเด็กอายุ 8 ขวบหรือน้อยกว่านั้น ก่อนที่จะเข้าชั้นประถม (ใช้กับเฉพาะเด็กที่เกิดหลังจาก 1 มกราคม 2008 เป็นต้นไป) สามารถขอลดชั่วโมงการทำงานในช่วงที่ต้องเลี้ยงดูบุตรได้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาลดชั่วโมงการทำงานลงมาอยู่ที่ 15 ถึง 35 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์เพื่อให้สามารถมีเวลาเลี้ยงดูบุตรของตัวเองได้มากขึ้น

(1)รายละเอียด

  • ทั้งพนักงานชายและหญิง สามารถขอลดชั่วโมงการทำงานในระหว่างการเลี้ยงดูบุตร โดยเฉพาะเมื่อ
    ทำงานในบริษัทนั้นๆ มากกว่า 6 เดือน และมีบุตรที่อายุ 8 ขวบหรือน้อยกว่านั้น ก่อนที่จะเข้าชั้นประถม
  • ระบบการขอลดชั่วโมงการทำงานในช่วงที่มีการเลี้ยงดูบุตรนั้น จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานและ
    เลี้ยงดูบุตรได้ในเวลา เดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะช่วยไม่ให้ห่างหายไปจากการทำงาน และเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ทักษะในการทำงานลดลง ด้วย อีกทั้งยังเป็นการรับประกันความต่อเนื่องของการจ้างงานอีกด้วย

(2)ระยะเวลาการใช้สิทธิ

  • ระยะเวลาการลดชั่วโมงการทำงานเพื่อเลี้ยงดูบุตรนั้น จะรับประกันเอาไว้กว่าหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม ในหนึ่งปีนั้นจะรวมถึง การลาหยุดทั้งวันเพื่อการเลี้ยงดูบุตรด้วย อย่างไรก็ตาม , หากมีเวลาการลาหยุดเพื่อเลี้ยงบุตร ก็สามารถนำมารวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 2 ปี

(3)ค่าจ้างในระหว่างช่วงเวลาการลดชั่วโมงการทำงานเพื่อเลี้ยงดูบุตร

  • ในระหว่างช่วงที่ลดชั่วโมงทำงานในช่วงเลี้ยงดูบุตร ลูกจ้างจะได้รับค่าจ้างจากนายจ้างตามระยะเวลาที่ทำงาน และในส่วนของชั่วโมงทำงานที่ลดลงจะสามารถรับเงินชดเชยการลดชั่วโมงทำงานในช่วงเลี้ยงดูบุตร (ลดระยะเวลาทำงาน 1 ชม.ต่อวัน : 100% ของเงินเดือนปกติ(สูงสุด 2,000,000 วอนต่อเดือน), ระยะเวลาทำงานที่ลดลงนอกเหนือจากนี้ : 80% ของเงินเดือนปกติ(สูงสุด 1,500,000 วอนต่อเดือน) จ่ายตามสัดส่วนของเวลางานที่ลดลง)ได้จากประกันการจ้างงาน
  • นอกเหนือจากเงินชดเชยการลดชั่วโมงทำงานในช่วงเลี้ยงดูบุตร เพื่อเป็นเงินอุดหนุนการจ้างงานที่มั่นคงในช่วงคลอดและเลี้ยงดูบุตร นายจ้างในธุรกิจที่มีสิทธิ์รับการสนับสนุนอันดับแรกจะได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนสำหรับการลดชั่วโมงทำงานในช่วงเลี้ยงดูบุตร(3 แสนวอนต่อเดือน หรือ 4 แสนวอนต่อเดือน เมื่อรวมค่าตอบแทนจูงใจ*)และ เงินช่วยเหลือสำหรับกำลังคนทดแทน(8 แสนวอนต่อเดือน และ 1.2 ล้านวอนต่อเดือนในช่วงถ่ายโอนงาน)
    • (ค่าตอบแทนจูงใจลำดับ 1∼3) สนับสนุนเพิ่มเติม 1 แสนวอนต่อเดือน สำหรับลูกจ้างผู้ลดชั่วโมงทำงานในช่วงเลี้ยงดูบุตรตั้งแต่คนแรกจนถึงคนที่สามของสถานประกอบการ

(4)วิธีการขอเบี้ยเลี้ยงการลดชั่วโมงการทำงานในช่วงที่มีการเลี้ยงดูบุตร

พนักงานจะต้องสมัครเพื่อขอลดชั่วโมงการทำงาน 30 วันล่วงหน้า
พนักงานที่ประสงค์จะขอรับเบี้ยเลี้ยงในช่วงลดระยะเวลาการทำงาน จะต้องใช้เอกสารยืนยันจากเจ้าของธุรกิจ แล้วส่งเอก สารยืนยันดังกล่าวพร้อมกับใบสมัครขอเบี้ยเลี้ยง โดยส่งมาที่ศูนย์การจ้างงานที่มีเขตอำนาจอยู่เหนือที่อยู่ของผู้สมัคร หรือที่ทำการของธุรกิจนั้นๆ
เอกสาร
  • เอกสารที่รับมาจากบริษัท: เอกสารยืนยันสำหรับการลดชั่วโมงการทำงานเพื่อเลี้ยงดูบุตร เอกสารเงินเดือนที่สามารถยืน ยันค่าแรงได้ เช่น สัญญาการจ้างงาน (สำเนา) เป็นต้น
  • เอกสารที่ได้รับมาจากหน้าโฮมเพจของกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน หรือศูนย์การจ้างงาน: แบบฟอร์มใบสมัครสำ หรับเบี้ยเลี้ยงจากการลดชั่วโมงการทำงานเพื่อเลี้ยงดูบุตร
    • กรณีที่ลูกจ้างตั้งครรภ์ จะได้รับวันลาก่อนและหลังคลอดในระยะก่อนหรือหลังการคลอดบุตร นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ระบบการลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตร (ลดชั่วโมงทำงานในช่วงเลี้ยงดูบุตร) สำหรับดูแลบุตรที่อายุต่ำว่า 8 ปีบริบูรณ์หรือเรียนในระดับชั้นต่ำว่าประถมศึกษาปีที่ 2 ได้ (ลูกจ้างสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ สามารถใช้การลาพักงานชั่วคราวเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้เช่นกัน)

05ผลประโยชน์การคลอดบุตรสำหรับผู้ที่ไม่ได้สมัครประกันการจ้างงาน

(1)จุดมุ่งหมายของโครงการ

  • สนับสนุนผลประโยชน์การคลอดบุตรเพื่อการคุ้มครองการคลอดบุตร สำหรับรายได้ที่ลดลงหลังจากการคลอดบุตร ของผู้ที่ทำกิจกรรมสร้างรายได้ ‘ผู้ที่ไม่ได้สมัครประกันการจ้างงาน’ ('19 .7.1 การบังคับใช้)

(2)ผู้ที่มีสิทธ์

ผู้ประกอบการเดียวที่ทำกิจกรรมสร้างรายได้, การจ้างงานพิเศษ, อาชีพอิสระ (ฟรีแลนเซอร์), ผู้ที่ไม่พอใจ เงื่อนไขการรับเงินการประกันการจ้างงาน (180 วัน) ต่างๆ สามารถรับความช่วยเหลือได้
  • ธุรกิจเดี่ยวหรือร่วมประกอบการที่ไม่มีพนักงาน (ไม่รวมธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์)
  • คนงานพิเศษที่ทำกิจกรรมที่มีรายได้มากกว่า 3 เดือน ในระหว่าง 18 เดือนก่อนคลอด, ฟรีแลนเซอร์
  • คนงานที่ไม่ใช้ประกันการจ้างงาน
คนงานที่ไม่พอใจ เงื่อนไขการรับประโยชน์ค่าตอบแทนการลาพัก ระหว่างก่อนและหลังคลอดบุตร
‘ระยะเวลาเอาประกันภัย 180 วัน’ จากระบบประกันการจ้างงาน
คนงานในธุรกิจที่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัติประกันการจ้างงาน หรือ บุคคลที่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัติประกันการจ้างงาน
คนงานที่ไม่สามารถสมัครประกันการจ้างงานจากสถานประกอบการได้

(3)จำนวนเงินสนับสนุนและเวลาสมัคร

  • ป็นเงินรวมทั้งหมด 150,000 วอน สามารถยื่นขอได้ภายใน 1 ปีตั้งแต่วันที่คลอด และจะสูญไปหากไม่ยื่นขอภายในระยะเวลาที่กำหนด

(4)วิธีสมัครรับผลประโยชน์การคลอดบุตรของผู้ที่ไม่ได้ใช้ประกันการจ้างงาน

  • ผู้ที่ต้องการรับผลประโยชน์การคลอดบุตร สามารถสมัครโดยการส่งทางไปรษณีย์หรือเดินทางไปสมัครที่ศูนย์จัดหางานในเขตที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการ สมัครได้ที่โฮมเพจประกันการจ้างงาน (www.ei.go.kr) หลังจากสมัครเป็นสมาชิก
  • เอกสารที่จำเป็น : ใบรับรองการเกิด(ใบรับรองความสัมพันธ์ครอบครัว), หลักฐานการมีรายได้, หนังสือรับรองการจดทะเบียนธุรกิจ ฯลฯ
    • นอกจากเอกสารที่กำหนดโดยศูนย์จัดหางานแล้ว อาจมีการเรียกขอเอกสารเพิ่มเติม สำหรับการจ่ายผลประโยชน์การคลอดบุตร

06การลาคลอดของคู่สมรส

ลูกจ้างชายที่คู่สมรสคลอดบุตรมีสิทธิลางานได้ 10 วันโดยได้ยังรับค่าจ้างเหมือนเดิม

(1)ผู้มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์

  • ลูกจ้างชายที่คู่สมรสคลอดบุตร
  • การเปิดโอกาสให้ลูกจ้างชายลางานได้หลังจากคู่สมรสคลอดบุตรเท่ากับเป็นการปกป้องสุขภาพของคู่สมรสและบุตรในครรภ์ แถมยังเป็นการขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมของผู้ชายในการเลี้ยงดูบุตรอีกด้วย

(2)ระยะเวลาลาคลอดของคู่สมรส

  • ลาคลอดแต่ยังคงได้รับค่าจ้าง 10 วัน (อย่างไรก็ตาม ต้องใช้สิทธิ์ภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันที่คลอดบุตร)

(3)สิทธิประโยชน์การลาคลอดของคู่สมรส

  • พนักงานของบริษัทที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือพิเศษจะได้รับค่าจ้างปกติเต็มตามจำนวน (ไม่เกิน 401,910 วอน) จากประกันการจ้างงานสำหรับ 5 วันแรกของการลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตร
    • นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างปกติที่เกินขีดจำกัดบนในกรณีของ 5 วันแรกและค่าจ้างปกติสำหรับ 5 วันที่เหลือ

(4)ขั้นตอนเพื่อยื่นขอรับสิทธิประโยชน์การลาคลอดของคู่สมรส

ลูกจ้างที่ต้องการได้รับสิทธิประโยชน์การลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตรของคู่สมรสต้องแนบจดหมายยืนยันการลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตรของคู่สมรสจากนายจ้างเพื่อส่งไปพร้อมกับแบบฟอร์มยื่นขอสิทธิประโยชน์การลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตรของคู่สมรสไปยังศูนย์จัดหางานที่มีเขตรับผิดชอบในที่อยู่หรือที่ทำงานของผู้ยื่น
เอกสารที่จำเป็นต้องใช้
  • เอกสารที่ได้รับจากบริษัท: เอกสารยืนยันค่าแรง อาทิเช่น จดหมายยืนยันการลาคลอดของคู่สมรส สลิปเงินเดือน สำเนาสัญญาจ้างงาน เป็นต้น
  • เอกสารที่ได้รับจากเว็บไซต์ของกระทรวงการจ้างงานและแรงงานหรือศูนย์จัดหางาน: "Application for Spousal Maternity Leave Benefit" (การยื่นขอรับสิทธิประโยชน์การลาเพื่อคลอดของคู่สมรส)
สามารถใช้งานได้ตามเงื่อนไข “KOGL (ลิขสิทธิ์เปิดเผยซอร์ซโค้ดของเกาหลี) ประเภท 4: ระบุแหล่งซอร์ซโค้ด+ห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์+ห้ามทำการเปลี่ยนแปลง”